“อนันตพร” เปิดทางกลุ่ม ปตท.ซื้อแหล่งปิโตรเลียมที่มีศักยภาพในไทยหลังต่างชาติเร่ขายเหตุน้ำมันดิบตกต่ำ แย้มกรณีเชฟรอนขายหุ้นแหล่งอาทิตย์ในอ่าวไทยหาก ปตท.สผ.มีความพร้อมก็สามารถเข้าไปลงทุนได้ พร้อมมอบโจทย์ใหญ่ให้ ปตท.เตรียมปรับองค์กรรองรับน้ำมันตกต่ำรวมถึงเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปเร็วเช่นรถไฟฟ้า
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังเข้าหารือร่วมกับคณะกรรมการบริหารบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือบอร์ด ปตท.เพื่อรับทราบการดำเนินงานและมอบนโยบายวันนี้ (27 พ.ค.) ว่ากรณีราคาน้ำมันตกต่ำและทำให้บริษัทผู้ผลิตและสำรวจแหล่งปิโตรเลียมในไทยทั้งไทยและต่างชาติเริ่มมีการขายกิจการบ้างแล้วนั้น เห็นว่าทางกลุ่ม ปตท.คงจะพิจารณาการเข้าไปลงทุนได้ในแหล่งที่มีศักยภาพเพราะต้องการให้การผลิตในไทยต่อเนื่อง ไม่กระทบต่อความมั่นคง โดยกรณีที่มีข่าวว่าเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด จะขายหุ้นสัดส่วน 16% ในแหล่งอาทิตย์ จ.สงขลา ที่ บ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.ถือหุ้นใหญ่ 80% นั้น ปตท.สผ.ก็กำลังพิจารณาอยู่ถ้าหากเห็นว่ามีศักยภาพ เพียงพอก็สามารถเข้าไปลงทุนได้
“เรื่องนี้เป็นเรื่องของการลงทุนที่ทาง ปตท.สผ.คงจะต้องดูอยู่แล้วและต้องทำการวิเคราะห์แต่หากที่สุดไม่มีใครซื้อทาง ปตท.สผ.ก็น่าจะพร้อม ซึ่งขณะนี้ราคาน้ำมันที่ลดต่ำกระทบต่อการดำเนินธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแต่ในแง่ของปตท.การลงทุนทั้งหมดที่ผ่านมาเขาลงทุนไม่เกินตัวจึงไม่เดือดร้อนมากนัก” รมว.พลังงานกล่าว
อย่างไรก็ตาม โจทย์ใหญ่ที่ตนได้มอบหมายให้ ปตท.ดำเนินงาน คือ การปรับตัวขององค์กรเนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดต่ำลงและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นรถไฟฟ้า สิ่งเหล่านี้จะเข้ามาเร็ว จะทำอย่างไรซึ่งก็พบว่า ปตท.เองก็มีแผนอยู่แล้ว ทั้งการปรับแผนลงทุนที่กระจายในภูมิภาคต่างๆ แผนที่ไม่เกี่ยวกับน้ำมันก็จะขยายมากขึ้น ให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากด้วย เช่น ร้านอเมซอน การกระจายการปลูกเมล็ดกาแฟ ซึ่งก็เป็นประชารัฐแบบหนึ่ง เป็นต้นซึ่งอนาคตธุรกิจเหล่านี้ก็อาจจะแยกตัวออกมาบริหารเพื่อให้คล่องตัวมากขึ้นก็ได้
“เทคโนโลยีวันนี้มาเร็ว แต่เชื่อว่ารถไฟฟ้านั้นจะมาก็คงเป็น 10 ปี แต่เราก็ต้องเตรียมตัวไว้ และที่มาครั้งนี้ส่วนหนึ่งก็มารับทราบปัญหาที่ปตท.อยากให้แก้ไข และมติต่างๆ ที่ทำแล้วมีปัญหาที่จะให้รัฐดูแลโดยกรณีของกฏหมายว่าด้วยการจัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ หรือซูเปอร์โฮลดิ้ง ปตท.ต้องการให้ออกมาให้เร็ว ขณะเดียวกันก็ต้องการยึดร่างกฏหมายเดิมที่กำหนดไว้” รมว.พลังงานกล่าว
ส่วนกรณีปัญหาการฟ้องศาลปกครองทวงคืนท่อก๊าซ โดยคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นั้น ขณะนี้กระทรวงฯ ยังไม่ทราบชัดเจนว่าศาลรับฟ้องหรือไม่ หลังจากศาลมีคำสั่งชัดเจนไม่รับฟ้องตัวบุคคล อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความเข้าใจกับทุกฝ่ายได้ประสาน พล.อ.ไพบูลย์ ในการนัดพูดคุยกันระหว่างผู้ฟ้อง เช่น สตง. คตง. และ ปตท.ในการทำความเข้าใจว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่ง พล.อ.ไพบูลย์จะมีการนัดพูดคุยเร็ว นี้
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ซีอีโอ) ปตท.ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กรณีข่าวที่ว่า คตง.เห็นว่า ปตท.ส่งคืนท่อก๊าซไม่ครบและมีมติจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินคดีอาญาและให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยต่อพนักงาน ปตท.บางรายนั้น ขณะนี้ ปตท.ยังไม่ได้รับหนังสือจาก คตง.แต่อย่างใด และขอยืนยันว่า ปตท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามคำพิพากษาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว โดยศาลปกครองมีคำวินิจฉัยในเรื่องนี้หลายคราว
