เริ่มแล้ววันนี้อย่างเป็นทางการสำหรับงานแสดงสินค้าและอาหารระดับนานาชาติ “THAIFEX-World of Food Asia 2016”ซึ่งจัดโดย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับ หอการค้าไทย และโคโลญเมสเซ่ ประเทศเยอรมนี ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 และอาคาร Impact Exhibition Center Hall 1-4 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยกำหนดให้มีวันเจรจาธุรกิจวันที่ 25-27 พฤษภาคม 2559 เวลา 10.00–18.00น. และวันจำหน่ายปลีกวันที่ 28-29 พฤษภาคม 2559 เวลา 10.00–20.00น.
งาน “THAIFEX-World of Food Asia 2016” จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Experience the Best in ASIA” สื่อให้เห็นว่า อาหารของชาวเอเชียมีเอกลักษณ์โดดเด่นเชื่อมโยงไปถึงวัฒนธรรมอันงดงามที่เป็นเสน่ห์ตรึงใจผู้คนทั่วโลก โดยมีบริษัทชั้นนำในวงการอุตสาหกรรมอาหารเข้าร่วมงานจำนวนกว่า 1.8 พันราย แบ่งเป็นบริษัทในประเทศ 900 ราย และบริษัทจาก 38 ประเทศทั่วโลก 900 ราย รวมจำนวนคูหามากกว่า 4.6 พันคูหา บนพื้นที่ 8 หมื่นตารางเมตร
การจัดงานครั้งนี้ยังมีกลุ่มประเทศใหม่เข้าร่วมงานเป็นครั้งแรก ได้แก่ บรูไน กัมพูชา ชิลี อินเดีย อินโดนีเซีย นอร์เวย์ และยูเครน รวมถึงประเทศเยอรมนีที่เข้าร่วมในฐานะ Partner Country โดยมีเป้าหมายผู้เข้าร่วมงานในส่วนของผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าในอุตสาหกรรมอาหารทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายสินค้าในอุตสาหกรรมอาหารของไทย รวมเป็นจำนวน 1.5 แสนราย แบ่งเป็นวันเจรจาธุรกิจ 3.8 หมื่นราย และวันจำหน่ายปลีก 1.12 แสนราย
สำหรับพื้นที่การจัดแสดงแบ่งออกเป็นกลุ่มประเภทผลิตภัณฑ์และบริการ อาทิ โซนอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงสินค้าเกษตรอินทรีย์ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้รับประทาน และอาหารฮาลาล, โซนบริการจัดเลี้ยงและธุรกิจบริการด้านอาหาร, โซนเทคโนโลยีอาหาร, โซนค้าปลีกและแฟรนไชส์ นอกจากนี้ ยังประกอบด้วยการจัดแสดงกลุ่มประเภทผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ World of Seafood, World of Coffee & Tea และ World of Food Service โดยมีสินค้าอาหารของไทยหลายรายการที่มีมูลค่าการส่งออกจัดอยู่ใน 5 อันดับแรกในตลาดโลกมาจัดแสดงในงาน อาทิ ข้าว, ไก่แปรรูป, อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป, กุ้งแช่แข็งและแปรรูป และสิ่งปรุงรสอาหาร
นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า อุตสาหกรรมอาหารถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญของประเทศไทย โดยแต่ละปีมีการส่งออกสินค้าอาหารไปทั่วโลกเป็นมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านบาท และเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของภูมิภาคเอเชียรองจากประเทศจีนและอินเดีย อีกทั้งยังเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจบริการซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศไทยที่สร้างความประทับใจให้กับผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมโยงกับธุรกิจท่องเที่ยวและการโรงแรม ตลอดจนการประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ
“อาหารยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้ห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของภาคเกษตร ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจสำคัญของไทยที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมากถึง 17 ล้านคน หรือคิดเป็น 43% ของจำนวนแรงงานทั้งหมด ซึ่งหากพัฒนาสินค้าเกษตรขั้นต้นแปรรูปไปสู่อุตสาหกรรมอาหาร มูลค่าทางเศรษฐกิจก็จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก”
ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลได้ทางเว็บไซต์ www.thaitradefair.com และ www.worldoffoodasia.com หรือสายด่วนการค้าระหว่างประเทศ 1169