“กบง.” รายงานภาวะราคาพลังงาน เผยทิศทางน้ำมันขาขึ้นตามตลาดโลก ยันไม่ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ ตรึงราคาโดยยังปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ขณะที่ราคาก๊าซข่าวดี NGV ครึ่งปีหลังขาลง โดยเฉพาะ พ.ย.ราคาจะลดอีก 70 สต./กก. ส่วน LPG ต้องดูราคานำเข้า
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี รมว.พลังงานเป็นประธาน เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ว่า กบง.ได้รับทราบสถานการณ์ราคาพลังงาน โดยแนวโน้มราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศมีทิศทางจะเป็นขาขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่กลับมาเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นเนื่องจากปัญหาการเมืองของประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ทั้งอิรัก เวเนซุเอลา โดย สนพ.ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปี 2559 จะอยู่ระดับ 45 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาก๊าซจะอยู่ในช่วงขาลงเช่นกัน โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) มีทิศทางปรับลดลงเนื่องจากโครงสร้างเนื้อก๊าซสะท้อนต้นทุนน้ำมันย้อนหลัง 6-12 เดือน ดังนั้นคาดว่าราคา NGV เดือน พ.ย.จะลดลง 0.70 บาทต่อ กก. จากปัจจุบันราคาขายปลีกอยู่ที่ 12.63 บาทต่อ กก.
“เราจดสถิติพบว่าราคาน้ำมันดิบ มี.ค.-พ.ค. 59 ปรับขึ้น 30 ครั้งและลดลง 20 ครั้ง และการลดลงจะน้อยกว่าการปรับขึ้น ขณะที่ราคาดีเซลขายปลีกไทยต่ำสุดปีนี้ 19.40 บาทต่อลิตรช่วงต้นปีก็จะทยอยขึ้นมาแล้วก็สอดคล้องภูมิภาค แต่น้ำมันของโลกกำลังการผลิตยังเกินความต้องการอยู่แม้จะขึ้นแต่น้ำมันดิบดูไบ สนพ.ก็ประเมินจะอยู่ในช่วง 35-55 เหรียญต่อบาร์เรล เฉลี่ยทั้งปี 45 เหรียญต่อบาร์เรล” นายทวารัฐกล่าว
อย่างไรก็ตาม นโยบายขณะนี้ยังคงปล่อยให้ราคาขายปลีกน้ำมันสะท้อนกลไกตลาด โดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะไม่เข้ามาดูแลเพื่อตรึงราคาขายปลีก โดยยังคงเน้นดูแลในส่วนของแอลพีจีเป็นหลักมากกว่า ส่วนราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) แม้เนื้อก๊าซจะลดลงแต่เนื่องจากสัดส่วนการคำนวณราคาจะประกอบด้วยโรงแยกก๊าซ โรงกลั่น และการนำเข้า จึงต้องดูราคาแอลพีจีตลาดโลกนำเข้าว่าจะขึ้นหรือลดประกอบด้วย