“กบง.” เคาะตรึงราคาแอลพีจีเดือน พ.ค. 59 ไว้คงเดิมที่ 20.29 บาทต่อ กก. มีผลตั้งแต่ 3 พ.ค.เป็นต้นไป แม้ว่าภาพรวมต้นทุนรวมแอลพีจีจะลดลงประมาณ 12 สตางค์ต่อ กก.ก็ตาม เหตุลงไม่มากนักประกอบกับกองทุนน้ำมันฯ ส่วนบัญชีแอลพีจียังควักจ่ายอยู่จึงนำมาลดอัตราชดเชยลง
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี รมว.พลังงานเป็นประธาน ได้มีมติคงราคาขายปลีกเดือน พ.ค. 59 ไว้คงเดิมที่ 20.29 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) มีผลตั้งแต่ 3 พ.ค.เป็นต้นไป แม้ว่าต้นทุนรวมทั้งหมดจะทำให้ราคาขายปลีกแอลพีจีควรปรับลดลง 0.1196 บาทต่อ กก.ก็ตาม เนื่องจากเห็นว่าเป็นการลดลงที่ไม่มากนัก ประกอบกับภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของบัญชีแอลพีจียังติดลบจึงนำเงินที่จะลดมาลดอัตราการชดเชยของกองทุนฯ ลง
สำหรับแอลพีจีตลาดโลก (CP) อยู่ที่ 347 เหรียญสหรัฐต่อตัน ปรับขึ้น 15 เหรียญฯ ต่อตัน ขณะที่ราคาต้นทุนในประเทศ ได้แก่ โรงแยกก๊าซฯ และ ปตท.สผ.แหล่งลานกระบือ ปรับตัวลดลงรวมประมาณ 16 เหรียญฯ ต่อตัน ราคาโรงกลั่นลดลง 0.1196 บาทต่อ กก. ดังนั้น กบง.จึงปรัลดอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ ลง 0.1196 บาทต่อ กก. จากเดิมชดเชย 0.7095 บาทต่อ กก. เป็นชดเชย 0.5899 บาทต่อ กก.
“ผลจากการปรับลดอัตราเงินชดเชยดังกล่าวทำให้กองทุนน้ำมันฯในส่วนของแอลพีจีมีรายจ่ายอยู่ที่ 213 ล้านบาทต่อเดือนลดลง 43 ล้านบาทต่อเดือน ขณะที่ฐานะสุทธิของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 1 พ.ค.อยู่ที่ประมาณ 44,815 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีแอลพีจี 7,623 ล้านบาท และน้ำมัน 37,193 ล้านบาท” นายประเสริฐกล่าว
นอกจากนี้ กบง.ยังได้เห็นชอบให้คงประกาศกำหนดราคาขายส่งก๊าซแอลพีจี ณ คลังก๊าซภูมิภาคต่อไปอีก เพื่อกำกับดูแลราคาก๊าซแอลพีจี ณ คลังภูมิภาค และให้ผู้ประกอบการที่รับก๊าซจากคลังภูมิภาคที่เคยได้รับการชดเชยมีเวลาในการปรับตัว ส่งผลให้ราคาขายส่งก๊าซ LPG (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ณ คลังก๊าซภูมิภาค เป็นดังนี้
- คลังก๊าซจังหวัดชลบุรี กิโลกรัมละ 15.7060 บาท
- คลังก๊าซจังหวัดนครสวรรค์ กิโลกรัมละ 16.7160 บาท
- คลังก๊าซจังหวัดลำปาง กิโลกรัมละ 17.7160 บาท
- คลังก๊าซจังหวัดขอนแก่น กิโลกรัมละ 17.1090 บาท
- คลังก๊าซจังหวัดสุราษฎร์ธานี กิโลกรัมละ 16.0417 บาท
- คลังก๊าซจังหวัดสงขลา กิโลกรัมละ 16.0621 บาท
