ราคาแอลพีจีเดือน พ.ค.ส่อแววขยับหลังราคาตลาดโลกเพิ่มขึ้นสูง “อนันตพร” ขอดูราคาตลาดโลกให้แน่ใจอีกครั้งยันหากราคาโลกขึ้นไม่มากอาจดึงเงินกองทุนแอลพีจีมาดูแล แต่หากขึ้นมากเกินก็อาจต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดโลก
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงแนวโน้มราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เดือนพฤษภาคมว่า คงจะต้องติดตามราคาตลาดโลกอีกระยะหนึ่งก่อน แต่ยอมรับว่ามีทิศทางที่ปรับขึ้นเล็กน้อย ดังนั้น ราคาขายปลีกที่จะประกาศเดือน พ.ค.นี้หากตลาดโลกปรับขึ้นไม่มากก็อาจจะสามารถดูแลได้ด้วยกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ แต่หากปรับขึ้นมากก็คงจะต้องสะท้อนกลไกตลาด
“ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของบัญชีแอลพีจียังมีฐานะที่เพียงพอในการดูแลหากปรับขึ้นไม่มาก แต่ถ้ามากก็คงจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไก เดี๋ยวต้องมาดูกันก่อน” รมว.พลังงานกล่าว
ปัจจุบันราคาขายปลีกแอลพีจีเดือน เม.ย. 2559 อยู่ที่ 20.29 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) โดยการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ที่ผ่านมาได้มีมติคงราคาดังกล่าวไว้จากเดือน มี.ค. 59 ด้วยการนำเงินกองทุนแอลพีจีมาชดเชยราคาเนื่องจากราคาแอลพีจีตลาดโลก (CP) เม.ย.ปรับมาอยู่ที่ 332 เหรียญสหรัฐต่อตันหรือขึ้น 30 เหรียญฯต่อตันจากเดือนมี.ค.ทำให้ราคาขายปลีกแอลพีจีแท้จริงควรปรับขึ้น 0.3459 บาทต่อ กก. ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯในส่วนบัญชีแอลพีจีอยู่ที่ 7,231 ล้านบาท
สำหรับปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดหรือ Peak (พีก) อาจเกิดขึ้นได้อีกในเดือนพ.ค.นี้หลังจากที่เกิดขึ้นไปแล้ว 2 รอบโดยรอบล่าสุด พีกอยู่ที่ 28,351.7 เมกะวัตต์เกิดขึ้นเมื่อ 19 เม.ย. แต่ปริมาณสำรองไฟฟ้าที่มีอยู่สามารถดูแลความมั่นคงด้านไฟฟ้าได้ อย่างไรก็ตามต้องการให้ประชาชนช่วยกันประหยัดการใช้
นายสรัญ รังคสิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มปิโตรเลียมขั้นปลาย บมจ.ปตท.กล่าวว่า ปตท.อยู่ระหว่างการขยายตลาดแอลพีจีไปยังลาวและกัมพูชามากขึ้นหลังความต้องการใช้แอลพีจีในประเทศลดลงส่งผลให้การนำเข้าแอลพีจีต้องลดลงตามไปด้วยจากเดิมที่เคยนำเข้าสูงถึง 1.8 แสนตันต่อเดือน โดยล่าสุดการนำเข้า มี.ค.อยู่ 2.2 หมื่นตันลดลงจากเดือน ก.พ.ที่อยู่ระดับกว่า 4 หมื่นตัน
“ราคาแอลพีจีภาพรวมราคายังอยู่ในระดับต่ำจึงทำให้ความต้องการใช้แอลพีจีในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังมีการใช้แอลพีจีมากขึ้น” นายสรัญกล่าว
