รมว.พลังงานย้ำปล่อยให้ราคาดีเซลเป็นไปตามกลไกตลาด หากราคาสูงจนกระทบภาพรวมพร้อมควักเงินกองทุนน้ำมันฯ ดูแล แต่ราคาขณะนี้ยังไม่จำเป็น ปัดขึ้นค่าเรือด่วนเป็นเรื่องคมนาคม พร้อมซ้อมแผนรองรับสภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานปี 2559 จำลองเหตุการณ์สงครามตะวันออกกลางเกิดขึ้นไทยต้องเตรียมรับมือน้ำมันดิบราคาพุ่ง
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการเป็นประธานซ้อมแผนรองรับสภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานของประเทศประจำปี 2559 ว่า จากกรณีที่บริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด แจ้งปรับขึ้นค่าโดยสาร 1 บาททุกประเภท มีผลตั้งแต่ 14 มี.ค. 2559 เนื่องจากราคาดีเซลปรับขึ้นกว่า 21 บาทต่อลิตร กระทรวงพลังงานไม่มีนโยบายที่จะเข้าไปช่วยเหลือเป็นเรื่องของกระทรวงคมนาคมจะพิจารณา โดยกระทรวงฯ จะติดตามราคาน้ำมันใกล้ชิด และยืนยันที่จะดูแลราคาขายปลีกดีเซลในภาพรวมหากสูงขึ้นจนกระทบเศรษฐกิจภาพรวมจึงจะใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดูแล
“การขึ้นค่าเรือด่วนก็เป็นเรื่องของคมนาคม ตอนที่ราคาน้ำมันลดลดด้วยหรือเปล่า ก็ต้องว่ากันตามข้อเท็จจริง พลังงานจะดูแลเฉพาะภาพรวมโดยใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ ที่มีอยู่เพียงพอ แต่ขณะนี้ราคาก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่ได้สูงมาก” พล.อ.อนันตพรกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงฯ ได้ร่วมมือกับทุกฝ่ายซ้อมแผนรองรับสภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานของประเทศ ประจำปี 2559 โดยได้จำลองสถานการณ์ฉุกเฉินสมมติเพื่อเป็นการระดมแผนรับมือ 2 เหตุการณ์ 1. สงครามตะวันออกกลาง ซึ่งจะทำให้ขาดแคลนน้ำมันแอลเอ็นจี นาน 4 เดือน และ 2. ก๊าซพม่าไม่สามารถส่งเข้าระบบได้ กระทรวงฯ จะต้องรณรงค์การประหยัดพลังงานซึ่งอาจจะต้องบังคับ เช่น เวียนปิดไฟที่ไม่จำเป็น เช่น โรงหนัง เป็นต้น
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า ไทยต้องนำเข้าน้ำมันดิบจากแหล่งตะวันออกกลางคิดเป็น 2 ใน 3 จากการนำเข้าทั้งหมด หากเกิดปัญหาขึ้นราคาพลังงานทั้งหมดก็คงจะต้องสูงขึ้นซึ่งจำเป็นจะต้องลดการใช้ภายในประเทศช่วยด้วย โดยโรงกลั่นจะมีสำรองทางกฎหมาย 25 วันรวมกับส่วนเกินที่มีอยู่อีกก็จะมีใช้ประมาณ 30 วัน ขณะเดียวกันก็คงจะต้องให้ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมนำน้ำมันดิบบางประเทศส่งกลับมา เช่น ออสเตรเลีย และเวียดนาม