“กบง.” เคาะตรึงราคาขายปลีกแอลพีจีเดือน มี.ค.คงเดิมที่ 20.29 บาทต่อ กก. หลังต้นทุนเฉลี่ยแอลพีจีภาพรวมเปลี่ยนแปลงไม่มาก พร้อมไฟเขียวยกร่าง พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเตรียมเสนอ กพช.ต่อไป
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า กบง.ได้พิจารณาตรึงราคาขายปลีกแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) ประจำเดือน มี.ค. คงเดิมที่ 20.29 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เนื่องจากต้นทุนเฉลี่ยเปลี่ยนแปลงน้อยมาก โดยราคาแอลพีจีตลาดโลก (CP) อยู่ที่ระดับ 302 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 5 เหรียญสหรัฐ/ตัน อัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าขึ้น 0.5566 บาท/เหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ 35.7695 บาท/เหรียญสหรัฐ ส่วนโรงกลั่นซึ่งมีต้นทุนต่ำที่สุดมีการผลิตแอลพีจีเพิ่มขึ้นทำให้ต้นทุนเฉลี่ยลดลง 0.0480 บาท/กก. จาก 13.7306 บาท/กก. เป็น 13.6826 บาท/กก.
“ที่ประชุมเห็นว่าต้นทุนเปลี่ยนแปลงไม่มากนักจึงให้คงขายปลีกราคาแอลพีจีไว้เช่นเดิมด้วยการปรับลดการชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ ลงมาอยู่ที่ 0.3636 บาท/กก. จากเดิมชดเชย 0.4116 บาท/กก. ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2559 เป็นต้นไป ผลดังกล่าวทำให้กองทุนน้ำมันฯ ส่วนของแอลพีจียังคงมีรายจ่ายประมาณ 130 ล้านบาท/เดือน โดยฐานะสุทธิของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 6 มีนาคม 2559 อยู่ที่ประมาณ 43,944 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีก๊าซแอลพีจีอยู่ที่ 7,174 ล้านบาท บัญชีน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ 36,770 ล้านบาท” นายทวารัฐกล่าว
นอกจากนี้ กบง.ยังมีมติยกร่างพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้น ซึ่งจะได้นำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยร่าง กม.ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนน้ำมันฯ ดังนี้ 1) รักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีพของประชาชน ในกรณีเกิดวิกฤตน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานและเศรษฐกิจ 2) สนับสนุนให้เชื้อเพลิงชีวภาพให้มีส่วนต่างราคาที่สามารถแข่งขันกับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 3) บรรเทาผลกระทบจากการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับผู้มีรายได้น้อยและผู้ด้อยโอกาส
4) สนับสนุนการลงทุนการสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ สำหรับป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อนำมาใช้ในกรณีวิกฤตน้ำมันเชื้อเพลิง และเพื่อประโยชน์ความมั่นคงทางด้านพลังงาน 5) สนับสนุนการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันเชื้อเพลิงในกิจการของรัฐ สำหรับความมั่นคงทางด้านพลังงาน