นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน มีมติให้คงราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติ หรือ LPG ในเดือนพฤษภาคมไว้ที่ 20.29 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 347 เหรียญสหรัฐต่อตัน ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน 15 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในขณะที่ราคาต้นทุนในประเทศอยู่ที่ 425 เหรียญสหรัฐต่อตัน สำหรับราคาโรงแยกก๊าซ ส่วนราคาต้นทุนของ บมจ. ปตท.สผ. อยู่ที่ 428 เหรียญสหรัฐต่อตัน ปรับลดลงจากเดือนก่อน 11.94 เหรียญสหรัฐต่อตัน เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากเดือนก่อน มาอยู่ที่ 35.25 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ราคาหน้าโรงกลั่นปรับลดลงเหลือ 13.90 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิม 14.02 บาทต่อกิโลกรัม จึงทำให้ราคาต้นทุนโดยรวมไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก และเพื่อลดภาระการชดเชยเงินกองทุนน้ำมัน ฯ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จึงให้คงราคาขายปลีกก๊าซ LPG ไว้ และปรับลดอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลง 0.1196 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมชดเชยอยู่ที่0.7095 บาทต่อกิโลกรัม เป็นชดเชยอยู่ที่ 0.5899 บาทต่อกิโลกรัม โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. 2559 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ผลจากการปรับลดอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้สถานะกองทุนน้ำมัน ฯ ส่วนของก๊าซ LPG มีรายจ่าย 213 ล้านบาทต่อเดือน ลดลง43 ล้านบาท โดยฐานะกองทุนน้ำมันฯ วันที่ 1 พฤษภาคม 2559 อยู่ที่ประมาณ 44,815 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีก๊าซ LPG อยู่ที่ 7,623 ล้านบาท และบัญชีน้ำมันสำเร็จรูป อยู่ที่ 37,192 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลจากการปรับลดอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้สถานะกองทุนน้ำมัน ฯ ส่วนของก๊าซ LPG มีรายจ่าย 213 ล้านบาทต่อเดือน ลดลง43 ล้านบาท โดยฐานะกองทุนน้ำมันฯ วันที่ 1 พฤษภาคม 2559 อยู่ที่ประมาณ 44,815 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีก๊าซ LPG อยู่ที่ 7,623 ล้านบาท และบัญชีน้ำมันสำเร็จรูป อยู่ที่ 37,192 ล้านบาท