การบินไทยประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/59 มีกำไรสุทธิถึง 6,011 ล้านบาท เหตุด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบินลดลงจากปีก่อนที่มีกว่า 1.1 หมื่นล้านเหลือ 174 ล้าน ขณะที่มีรายได้รวม 5 หมื่นล้านลดลงกว่า 1.3 พันล้านจากการปรับลดเที่ยวบิน “จรัมพร” เผยปี 59 เดินหน้าแผนปฏิรูประยะ 2 เต็มที่
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2559 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้รวม 50,183 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,384 ล้านบาท หรือ 2.7% เนื่องจากรายได้จากค่าโดยสารและน้ำหนักส่วนเกินลดลงจากการปรับอัตราค่าธรรมเนียมชดเชยค่าน้ำมันลดลง และการแข่งขันที่รุนแรง แม้จะมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 5.3% มีค่าใช้จ่ายรวม 43,003 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4,149 ล้านบาท หรือ 8.8% จากค่าน้ำมันเครื่องบินที่ลดลง 3,637 ล้านบาท (25.1%) และผลจากการลดปริมาณการผลิตและมาตรการควบคุมและบริหารจัดการค่าใช้จ่ายดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงานธุรกิจการบิน (Operating Profit) จำนวน 7,180 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,765 ล้านบาท หรือ 62.6% เมื่อหักประมาณการค่าซ่อมแซมเครื่องบินเช่าดำเนินงานจำนวน 1,153 ล้านบาท ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน 174 ล้านบาท ลดลงจาก 11,480 ล้านบาท และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 681 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 6,011 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.67 บาท (32.2% )
โดยในปี 2559 บริษัทฯ ได้เข้าสู่ระยะที่ 2 ของแผนปฏิรูปองค์กร คือ “สร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขัน” โดยมีกลยุทธ์ในการดำเนินงาน 4 กลยุทธ์ ดังนี้ 1) การหารายได้ โดยเน้นที่แผนการเพิ่มรายได้ในทุกๆ ด้าน 2) การบริหารจัดการค่าใช้จ่าย ในด้านการบริหารจัดการต้นทุน การบริหารจัดการกระแสเงินสดและโครงสร้างเงินทุน 3) การสร้างศักยภาพในด้านต่างๆ เช่น การบริหารเครือข่ายเส้นทางบิน (Network Management & Optimization) การวางแผนฝูงบิน (Fleet Plan) การเพิ่มศักยภาพระบบบริหารรายได้ (Revenue Management Enhancement) 4) การสร้างความเป็นเลิศในการบริการลูกค้า ซึ่งหลายแผนงานได้ดำเนินการต่อเนื่องมาจากปี 2558 เช่น การยกระดับการบริการชั้นธุรกิจ (Business Class Service Upgrade)
ในไตรมาสนี้บริษัทฯ มีจำนวนเครื่องบินที่ใช้ในการดำเนินงาน 95 ลำ น้อยกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 9 ลำ แต่จากการปรับเที่ยวบินและใช้เครื่องบินให้เหมาะสมกับความต้องการเดินทาง การใช้ประโยชน์ของเครื่องบินได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น Aircraft Utilization เพิ่มขึ้นเป็น 11.5 ชั่วโมง (จาก 10.7 ชั่วโมง) ทำให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) ลดลงเพียง 1.8% โดยมีปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 0.9% มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 77.5% สูงกว่าปีก่อนซึ่งเฉลี่ยที่ 75.4% และมีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวมทั้งสิ้น 5.92 ล้านคน สูงกว่าปีก่อน 5.3%
โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 303,761 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2558 จำนวน 1,290 ล้านบาท (0.4%) จากเงินสดสุทธิได้มาจากการดำเนินงาน หนี้สินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย เท่ากับ 265,295 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 จำนวน 4,250 ล้านบาท (1.6%) และส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 38,466 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2558 จำนวน 5,540 ล้านบาท (16.8%)