เผยพนักงานการบินไทยถูกสหกรณ์ออมทรัพย์บริษัทฯ หักเงินเดือนจนไม่พอใช้จากกรณีค้ำเงินกู้แล้วผู้กู้ลาออก ด้าน “ประธานสหภาพฯ” เสนอประชุมวิสามัญสหกรณ์ขอแก้ข้อบังคับทวงหนี้ใหม่ให้ไปไล่บี้จากผู้กู้ถึงที่สุดก่อน เผยมีมูลหนี้กว่า 3.5 หมื่นล้าน ชี้บริษัทขาดทุนไม่ขึ้นเงินเดือนไม่มีโบนัส ไม่เร่งแก้ส่อสหกรณ์ฯ ล้มกระทบบริษัทแน่นอน
นายดำรงค์ ไวยคณี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมาสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานบริษัท การบินไทย จำกัด ได้มีการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2559 เพื่อพิจารณาแก้ไขข้อบังคับ และพิจารณาปรับลดภาระหนี้ของสมาชิกเพื่อให้เหลือเงินเพียงพอต่อการดำรงชีพ พร้อมทั้งขอจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือสมาชิก และขอปรับลดดอกเบี้ยกู้ยืม เนื่องจากขณะนี้พนักงานการบินไทย ซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์ฯ ที่อยู่ในฐานะผู้ค้ำประกันประสบปัญหาถูกสหกรณ์หักเงินเดือนเพื่อใช้หนี้แทนผู้กู้ที่ลาออก หรือถูกไล่ออก หรือพ้นสภาพไม่ได้เป็นสมาชิกสหกรณ์แล้ว ส่งผลให้รายได้ที่เหลือไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ทั้งๆ ที่หลักการที่ถูกต้องสหกรณ์ควรติดตามหนี้จากผู้กู้ให้ถึงที่สุดก่อนจึงจะมาเรียกจากผู้ค้ำ และยังเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2558 อีกด้วย
โดยปัจจุบันสหกรณ์ออมทรัพย์การบินไทยมีสมาชิกประมาณ 3 หมื่นคน (พนักงานที่เกษียณอายุแล้วยังเป็นสมาชิกได้) มีการกู้เงินคิดเป็นมูลหนี้ ณ 31 ธ.ค. 2558 ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งในการกู้เงินสหกรณ์จะต้องมีผู้ค้ำ 2-3 คน ดังนั้น ผู้กู้ 1 คนหากมีปัญหาเกิดขึ้นจะกระทบต่อพนักงาน 2-3 คนที่จะถูกสหกรณ์หักเงินเดือนเพื่อนำไปใช้หนี้แทนทันทีโดยไม่มีการติดตามจากผู้กู้ก่อน ซึ่งขณะนี้มีพนักงานที่ประสบปัญหาประมาณ 600 คน และหากไม่แก้ข้อบังคับนี้ แนวโน้มว่าจะมีพนักงานได้รับผลกระทบเพิ่มเป็น 5,000 คน
“ปัญหาดังกล่าวหนักหน่วงมากขึ้น เพราะช่วงหลายปีที่ผ่านมาบริษัทขาดทุน การปรับเงินเดือนแต่ละปีน้อยมาก 2-3% เท่านั้น จากเดิมที่เคยปรับ 7-10% และไม่มีโบนัส ทำให้รายได้ของพนักงานไม่เพิ่มตามเกณฑ์ที่ควรจะเป็น และยังมาถูกสหกรณ์หักเงินเดือนเพื่อไปใช้หนี้กรณีค้ำประกันอีก ทำให้เงินเดือนที่เหลือไม่พอต่อการดำรงชีวิต สหภาพฯ และพนักงานจึงเห็นว่าจะต้องแก้ไขโดยด่วน เพราะหากปล่อยไปเรื่อยๆ พนักงานจะทนไม่ไหว และลาออกเพื่อหนีหนี้ สหกรณ์จะล้ม บริษัทอาจจะต้องล้มไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้เคยหารือกับนายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) และนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ประธานบอร์ดแล้ว แต่ไม่ได้รับความสนใจเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพนักงาน สหภาพฯ จึงต้องเป็นแกนนำในการแก้ไข”
โดยที่ประชุมรับหลักการที่เสนอให้แก้ไขข้อบังคับ โดยจะออกประกาศวิธีปฏิบัติการติดตามและเร่งรัดหนี้ใหม่ และรับพิจารณาปรับโครงสร้างหนี้และยืดจำนวนงวดชำระ ตามที่เสนอไป ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้พนักงานมีชีวิตที่ดีขึ้น จากเดิมที่อาจจะเหลือเงินเดือนหลังหักค่างวด ค่าหุ้นสหกรณ์แล้วไม่ถึง 20% จะปรับขึ้นมาเป็น 30% ซึ่งพอจะดำรงชีพอยู่ได้