xs
xsm
sm
md
lg

ผ่าน 4 เดือน “เซ็นทรัล” เทกโอเวอร์ 2 ดีล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ทศ จิราธิวัฒน์
ผ่านพ้นไปแค่ 4 เดือนเศษของปี 2559 “กลุ่มเซ็นทรัล” ภายใต้การนำของนายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ก็ประกาศศักดาอย่างน่าเกรงขาม สวนกระแสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่กระเตื้องนัก ด้วยการทุ่มงบก้อนโตเข้าซื้อกิจการไปแล้วอย่างน้อย 2 ดีลใหญ่ ประกอบด้วย

1. การเข้าซื้อกิจการของซาโลร่า ในไทย (ZALORA THAILAND) ซึ่งถือเป็นเว็บไซต์ชอปปิ้งออนไลน์รายใหญ่ในไทยรายหนึ่ง โดยเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2559 บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) หรือ COL ได้ทำ
การแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าบริษัท Central Group Online Co., Ltd บริษัทร่วมทุนที่หุ้น 49% ถือโดย Cenergy Innovation Co., Ltd. (บริษัทลูกของ COL) และหุ้นอีก 51% ถือโดย Harng Central Department Store Co., Ltd. ได้เซ็นข้อตกลงในการเข้าซื้อ Zalora (Thailand) โดย COL คาดจะปิดดีลได้ภายในสิ้นเดือน พ.ค. แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยมูลค่าการลงทุนและสัดส่วนการถือหุ้นออกมา แต่ว่ากันว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 300-400 ล้านบาท

2. การเข้าซื้อกิจการของบิ๊กซีในประเทศเวียดนาม ซึ่งมีการประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายนที่ผ่านมานี้เอง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มกาสิโนฝรั่งเศส ที่ถือหุ้นใหญ่ในบิ๊กซีประเทศไทย ได้ตัดสินใจขายหุ้นในไทยทิ้ง โดยที่กลุ่มเซ็นทรัลก็เข้าแข่งขันประมูล แต่ต้องพลาดท่าผิดหวังให้กับนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่คว้าดีลนี้ไปได้และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ปล่อยให้กลุ่มเซ็นทรัลเป็นผู้ถือหุ้นลำดับรองลงมา

โดยครั้งนี้ทางกลุ่มเซ็นทรัลได้ร่วมกับกลุ่มเหงียนคิมของเวียดนาม เข้าซื้อกิจการบิ๊กซี ประเทศเวียดนาม ซึ่งบิ๊กซี เวียดนามได้ดำเนินการมาแล้วกว่า 18 ปี ปัจจุบันมีสาขาทั้งสิ้น 43 สาขา ในประเทศเวียดนาม คือ ไฮเปอร์มาร์เกต 33 สาขา, คอนวีเนียนสโตร์ 10 สาขา และเป็นศูนย์การค้า 30 แห่ง โดยมียอดขายในปี 2558 ราว 586 ล้านยูโร

ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายบิ๊กซี เวียดนามครั้งนี้อยู่ที่ 920 ล้านยูโร

คงยังไม่หมดแค่ 2 ดีลนี้แน่นอน เนื่องจากนายทศ หัวเรือใหญ่ของกลุ่มเซ็นทรัลประกาศนโยบายชัดเจนมาก่อนหน้านี้แล้วว่า จะขยายธุรกิจด้วยการเข้าเทคโอเวอร์ บริษัทต่างๆ ทั้งในไทยและในต่างประเทศ เพื่อที่จะมาต่อยอดและเสริมทัพธุรกิจให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นและขยายสู่ทั่วโลกด้วย ซึ่งธุรกิจที่สนใจก็ล้วนจะเกี่ยวข้องและต่อยอดกับธุรกิจเดิมได้ทั้งสิ้น

แม้ว่าจะไม่ได้กำหนดตายตัวชัดเจนว่าในแต่ละปีจะต้องใช้งบประมาณเท่าไรในการซื้อกิจการ และจะต้องมีกี่ดีลที่จะต้องสรุปให้ได้ แต่เซ็นทรัลก็พร้อมที่จะทุ่มเงิน เพื่อที่จะเข้าเป็นเจ้าของธุรกิจนั้นๆ หากมีความเหมาะสม มีประโยชน์ที่เอื้อต่อฐานธุรกิจเดิมที่ทำอยู่ได้ดี

อย่างไรก็ตาม เซ็นทรัลก็ยังคงให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การเป็นคู่ค้าพันธมิตรร่วมทุนด้วยเช่นกัน หากไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการเทคโอเวอร์ถือหุ้นใหญ่ฝ่ายเดียวเท่านั้น

ล่าสุดเมื่อช่วงเดือนมกราคมปี 2559 นี้ กลุ่มเซ็นทรัลเองก็ร่วมมือกับทางบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ก็ได้ลงนามในสัญญาร่วมทุนกันจัดตั้งบริษัทย่อยขึ้นมาเพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับคลังสินค้า ด้วยเงินลงทุนมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท หวังเสริมสร้างความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในอนาคต

การคว้า บิ๊กซี เวียดนาม มาไว้ในอ้อมอกได้ ไม่เพียงแต่ธุรกิจในแถบเอเชียของเซ็นทรัลจะมีความแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่จะเป็นตัวผลักดันสำคัญอีกตัวหนึ่งที่จะทำให้ยอดขายรวมทั้งกลุ่มเซ็นทรัลในปี 2559 มากกว่า 337,040 ล้านบาท (รวมทุกกลุ่มธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ) เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน



กำลังโหลดความคิดเห็น