ผู้จัดการรายวัน 360 - “เซ็นทรัลกรุ๊ป” เปิดแผนรุกปี 2559 ทุ่มงบลงทุนในไทยเฉียด 4 หมื่นล้านบาท พร้อมใช้ 1 หมื่นล้านบาทในต่างประเทศภายใน 5 ปีจากนี้ ขยายอาณาจักร ทั้งยุโรป เอเชีย ตะวันออกกลาง ดันรายได้รวมปีนี้ 337,040 ล้านบาท เติบโต 18.9% เผยหวั่นปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมากกว่าปัญหาในไทย
นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในเวลานี้คือปัญหาเศรษฐกิจโลกมากกว่าปัญหาเฉพาะในไทย ดังจะเห็นได้ว่าปัจจัยลบมาจากต่างประเทศทั้งนั้น เช่น เศรษฐกิจของประเทศจีนที่ตอนนี้ค่อนข้างทรงตัว รวมทั้งวิกฤตราคาน้ำมันที่อาจจะส่งผลสะเทือนต่อฐานะทางการเงินของบริษัทน้ำมันรายใหญ่ๆ ทั่วโลกที่มีการกู้เงินกันมากจนนำไปสู่ปัญหาสถานะทางการเงินและปัญหาอัตราค่าแลกเปลี่ยนเงินตราที่แปรปรวน
อย่างไรก็ตาม เซ็นทรัลกรุ๊ปยังคงลงทุนต่อเนื่องทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยปี 2559 ตั้งงบลงทุนรวมในประเทศไว้ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท ขณะที่ต่างประเทศนั้นงบลงทุนภายใน 5 ปีจะใช้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากที่ผ่านมาลงทุนในต่างประเทศแล้วกว่า 4 หมื่นล้านบาท ส่วนรายได้รวมในปี 2558 ทั้งกลุ่มมีรายได้รวมประมาณ 283,450 ล้านบาท เติบโตจากปี 2557 ประมาณ 13.5% คาดว่าปี 2559 จะมีรายได้รวมเติบโต 18.9% หรือประมาณ 337,040 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จากการขยายธุรกิจปีนี้แบ่งเป็นในไทย 50% และต่างประเทศ 50%
กิจการในต่างประเทศถือว่าเติบโตดีมาตลอดนับตั้งแต่ปี 2554 มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศที่ 5% ของทั้งกลุ่ม เพิ่มเป็น 9% ในปี 2555 เพิ่มเป็น 11% ในปี 2556 และขยับเป็น 12% ในปี 2557 ส่วนปี 2558 อยู่ที่ 18% โดยคาดว่าปี 2559 จะอยู่ที่ 24% ส่วนยอดขายรวมของกลุ่มห้างสรรพสินค้าที่มาจากต่างประเทศในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัลปี 2559 คาดว่าจะอยู่ที่ 5.1 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 40% จากปี 2558 ที่มียอดขายจากต่างประเทศ 3 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 30% ของกลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้าในไทย และต่างประเทศ
ส่วนแผนการลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัลในประเทศ ปีนี้จะเปิดศูนย์การค้าใหม่ 2 ศูนย์ คือ เซ็นทรัลพลาซา นครศรีธรรมราช มูลค่า 3.5 พันล้านบาท เปิดปลายเดือน ก.ค. 59 และห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ลพบุรี เปิดบริการเดือน พ.ย. 59 นอกจากนี้ยังมีศูนย์การค้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 2-3 โครงการ คือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา จะเปิดภายในปีนี้ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต เฟส 2 เปิดให้บริการปลายปี 60 รวมถึงในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ทั้งยังมีแผนเปิดโรงแรมใหม่อีกอย่างน้อย 5 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น พัทยา, สมุย, กระบี่ รวมถึงการเปิดตัวโรงแรมหรู 6 ดาว “ปาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ” ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี เดือน ต.ค. 59 และการเปิดตัวคอนเวนชันฮอลล์ที่เชียงใหม่ในต้นปี 2559
ปีนี้บริษัทฯ จะปรับปรุงศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าเก่า คือ ศูนย์การค้าพัทยาเซ็นเตอร์, เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพระราม 3 ส่วนห้างสรรพสินค้าที่จะปรับปรุงคือ เซ็นทรัลชิดลม, เซน, ภูเก็ต, บางนา, ปิ่นเกล้า ขณะที่โรบินสันจะปรับปรุงที่ พระราม 9, เชียงใหม่, ราชบุรี, ตรัง, จันทบุรี, สระบุรี, นครศรีธรรมราช 1 รวมถึงโรบินส์ โฮจิมินห์ ซิตี้ เป็นต้น
ส่วนแผนขยายสาขาร้านค้าปลีกทั้งเครือหลายยูนิตปีนี้มีประมาณ 420 สาขา ประกอบด้วย กลุ่มเซ็นทรัล เรสเตอรองส์ กรุ๊ป, กลุ่มเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์, ท็อปส์ เดลี่, แฟมิลี่มาร์ท, โคโมโนยะ (KOMONOYA), มัทสึโมโตะ คิโยชิ (Matsumoto Kiyoshi), ซูเปอร์สปอร์ต, ออฟฟิศเมท, บีทูเอส, เพาเวอร์บาย, ไทวัสดุ
ขณะที่ธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศปีนี้มีโครงการลงทุนโรงแรม 4 ดาวที่มัลดีฟส์เพิ่มอีก 2 แห่ง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2562 และโครงการลงทุนตั้งโรงแรม 4 ดาวที่ดูไบในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลจะลงทุนราว 2.5 พันล้านบาทภายใต้การร่วมทุน 40% กับพันธมิตรท้องถิ่น เพื่อสร้างบีชฟรอนต์ รีสอร์ต ระดับ 4 ดาว ขนาด 500 ห้อง โดยรวมแล้วปัจจุบันมีโรงแรมที่เป็นทั้งเจ้าของเองและรับบริหาร รวม 70 แห่งใน 11 ประเทศ มีห้องพักรวม 14,583 ห้อง ซึ่งขณะนี้ได้ทำการเซ็นสัญญารับบริหารแล้วเพิ่มอีก 29 แห่ง รวม 6,716 ห้องพัก