“ศักดา พันธ์กล้า” รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเผย 4 รัฐมนตรีทั้ง ก.อุตฯ สาธารณสุข วิทย์ และทรัพยากรฯ เตรียมลงพื้นที่เหมืองทองคำอัคราไมนิ่ง 23 เม.ย.เพื่อตรวจสอบการดำเนินงาน ย้ำหากถูกต้องตามกฎหมายไม่ต้องกังวลใดๆ หลังรับหนังสือจากหอการค้า จ.พิจิตร และคู่ค้าอัคราฯ หนุนให้เปิดเหมืองต่อ
นายศักดา พันธ์กล้า รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยหลังการเข้าพบของตัวแทนผู้รับเหมาและคู่ค้าของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2559 ว่า กระทรวงฯ พร้อมที่จะรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายมาศึกษาประกอบการตัดสินใจอย่างรอบด้าน โดยวันที่ 23 เมษายนนี้ รัฐมนตรีทั้ง 4 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะลงพื้นที่ เพื่อรับฟังความคิดของประชาชนทั้งสองฝ่าย และตรวจสอบการดำเนินของบริษัท อัคราฯ
“กระบวนการดำเนินงานอนุมัติจะเป็นไปตามกฎหมาย มีขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน โปร่งใส เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งยุทธศาสตร์ของกระทรวงอุตสาหกรรม คือ การสร้างจิตสำนึกของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น หากบริษัทดำเนินงานถูกต้องทุกอย่างตามกฎหมายแล้ว เราก็ยินดีดำเนินการพิจาราณาตามกฎหมายเช่นเดียวกัน ไม่ต้องกังวล” นายศักดากล่าว
นางบังเอิญ ขวัญใจรักษ์ รองประธานหอการค้า จ.พิจิตร และนางณุชรีย์ ไศละสูต กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท โลตัสฮอลวิศวกรรมเหมืองแร่และก่อสร้าง จำกัด ตัวแทนผู้รับเหมาและคู่ค้าของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือวิงวอนขออนุมัติประทานบัตรให้แก่เหมืองแร่ทองคำชาตรี พร้อมเอกสารการสนับสนุนจากคู่ค้ามากกว่า 250 ราย โดยรายหลักประกอบด้วย 1. บริษัท โลตัสฮอลวิศวกรรมเหมืองแร่และก่อสร้าง จำกัด และบริษัทรับเหมาในเครือ จำนวน 77 ราย 2. บริษัท บอร์ท ลองเยียร์ จำกัด และบริษัทรับเหมาในเครือจำนวน 24 ราย 3. ผู้แทนหอการค้าจังหวัดพิจิตรและผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดพิจิตร เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก และคู่ค้าจำนวน 151 ราย เนื่องจากมีความกังวลต่อการชะงักงันของเศรษฐกิจและรายได้ของจังหวัดพิจิตร หากเหมืองแร่ทองคำชาตรีได้รับการอนุมัติประทานบัตรล่าช้า จนอาจทำให้ต้องปิดเหมืองลง
“เหมืองก่อให้เกิดการจ้างงานต่อเนื่องเป็นลูกโซ่หลายพันคน การกระจายรายได้สู่ภาคธุรกิจต่างๆ ในท้องที่ เช่น ธุรกิจที่พักอาศัย รีสอร์ต ร้านอาหาร ต่างก็ได้รับอานิสงส์ในส่วนนี้กันอย่างถ้วนหน้า ทำให้เกิดเงินสะพัดในท้องที่กว่า 4,000 ล้านบาทต่อปีหากเหมืองแร่ชาตรีปิดตัวลงจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของคู่ค้าทันที” นางบังเอิญกล่าว