“คมนาคม” คาดช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีประชาชนเดินทางกว่า 22 ล้านคน เตรียมพร้อมทุกระบบขนส่ง พร้อมอำนวยความสะดวกปลอดภัยจัดเจ้าหน้าที่ 20,000 คนประจำจุดเฝ้าระวัง 148 จุดทั่วประเทศที่คาดว่าจะมีปัญหาการจราจรหนาแน่น ขณะที่สั่งจัดกำลัง ทล.-ทช.-อบต.-อบจ.ประจำจุดตัดรถไฟ 2,517 แห่ง
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายในการดำเนินงานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2559 ซึ่งกระทรวงกระทรวงคมนาคมได้จัดทำแผนอำนวยความสะดวก ปลอดภัย และมั่นคง รองรับการเดินทางระหว่างวันที่ 8-18 เม.ย. โดยคาดว่าจะมีประชาชนเดินทางผ่านโครงข่ายคมนาคมทุกระบบประมาณ 22.63 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากสงกรานต์ปี 2558 ที่มีการเดินทาง 21.46 ล้านคน เนื่องจากราคาน้ำมันลดลง และมาตรการภาครัฐลดหย่อนภาษี ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้กำหนดแผนอำนวยความสะดวก 4 มาตรการ ด้านการให้บริการขนส่งสาธารณะ ด้านโครงข่ายคมนาคม ด้านการจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณสถานี และด้านข้อมูลจราจร โดยได้จัดเตรียมสถานีขนส่งชานชาลาและพื้นที่จอดรถสำรองให้พียงพอต่อความต้องการประชาชน ทั้งยานพาหนะโดยสาร และเที่ยววิ่ง เที่ยวบิน จาก 351,455 เที่ยว เป็น 406,248 เที่ยว รองรับผู้โดยสารได้เกือบ 25 ล้านคน อำนวยความสะดวกด้านโครงข่ายถนน ระบบส่งต่อผู้โดยสาร และจัดเจ้าหน้าที่ประมาณ 20,000 คนประจำจุดเฝ้าระวังทั่วประเทศ 148 จุด ที่คาดว่าจะมีปัญหาการจราจรหนาแน่น คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางสูงสุดในวันที่ 13 เมษายน ช่วงเวลา 16.00-20.00 น.เป็นช่วงเวลาเกิดอุุบัติเหตุุบ่อยครั้งที่สุุด
ทั้งนี้ ในช่วงสงกรานต์ 9 วันระหว่างวันที่ 9-17 เม.ย.นั้น ในเรื่องจุดตัดรถไฟ 2,517 จุดทั่วประเทศให้ขอกำลังจาก อบต.และ อบจ.ประจำจุดตัดและทางลักผ่านทุกจุดที่ยังไม่มีเครื่องกั้น ส่วนจุดตัดถนนของกรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ให้อาสาสมัคร ทช.ที่มีอยู่ทั่วประเทศ 9500 คน เฝ้าระวังตลอด ส่วนจุดตัดที่ติดตั้งเครื่องกั้นเสร็จแล้ว และอยู่ระหว่างส่งมอบให้ การรถไฟฯให้เปิดใช้ทันที
ด้านนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการมั่นใจทั่วไทย รถใช้ GPS เป็นการยกระดับมาตรฐานระบบขนส่งสาธารณะของประเทศให้มีความปลอดภัยของกรมการขนส่งทางบก ว่าขณะนี้มีรถโดยสารสาธารณะ และรถลากจูงและรถบรรทุกขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ติดตั้งระบบ GPS แล้วประมาณ 46,957คัน เป็นรถโดยสารประจำทาง 3,232 คัน รถโดยสารไม่ประจำทาง 4,034 คัน รถบรรทุกไม่ประจำทาง 19,093 คัน รถบรรทุกส่วนบุคคล 12,240 คัน และรถอื่นๆ 8,358 คัน โดยได้เริ่มโครงการให้รถสาธารณะติดตั้ง GPS และอุปกรณ์ส่วนควบยกเว้นรถสองแถว และรถโดยสารหมวด 4 ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. 2559 ส่วนรถที่จดทำเบียนก่อนการบังคับ จะมีการกำหนดระยะเวลาให้ติดตั้ง GPS ต่อไป
โดยภายในปี 2560 รถสาธารณะจะต้องติดตั้งระบบ GPS เรียบร้อยทั้งหมด ซึ่งการทำงานของศูนย์บริหารจัดการเดินรถ ด้วยระบบ GPS ของกรมขนส่งฯ จะรับข้อมูลจากรถที่ติดตั้ง GPS ทุกคันแบบ Real Time ตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมทั้งหมดใน 11 จังหวัด 14 แห่ง หากพบการกระทำผิดระบบจะแจ้งเตือนพร้อมระบุข้อมูล เช่น การใช้ความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด การขับรถเกินชั่วโมงทำงาน ไม่แสดงตัวคนขับ และการถูกร้องเรียนผ่านแอปพลิเคชัน “DLT GPS” ที่เปิดให้ผู้ใช้บริการรถโดยสารรถสาธารณะและประชาชนทั่วไป สามารถค้นหาตำแหน่งของรถและร้องเรียนหรือแจ้งเหตุมายังศูนย์ฯ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยการใช้งานดังกล่าวจะใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต บนระบบปฏิบัติการ Android เพียงระบุหมายเลขทะเบียนรถ ระบบจะแสดงตำแหน่งพิกัดของรถ ความเร็วที่ใช้ และรายละเอียดของพนักงานขับรถ พร้อมระบบร้องเรียน และช่องทางรับแจ้งเหตุ