xs
xsm
sm
md
lg

รถไฟชงทางคู่ 7 เส้นทาง ม.44 เปิดช่องประมูลปีนี้กว่า 2.4 แสนล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)
ร.ฟ.ท.ดันทางคู่ 7 เส้นทาง ชง ครม.อนุมัติ วงเงินกว่า 2.4 แสนล้านเข้า ครม.หลัง ม.44 คลายเงื่อน ทำคู่ขนานระหว่างรอ EIAได้ “วุฒิชาติ” ฟุ้งรถไฟโฉมใหม่ประสิทธิภาพดีขึ้น ตรงต่อเวลา หลังปรับปรุงทาง ซื้อหัวจักร 50 คัน รถโดยสาร 112 คันเสริม เล็งเช่าหัวจักรอีก 120 คัน ก่อนเปลี่ยนเป็นระบบไฟฟ้าในอีก 15 ปี

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ภายในเดือน มี.ค.นี้จะเสนอแผนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่อีก 5 เส้นทางต่อกระทรวงคมนาคมเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติ และเปิดประกวดราคาหาผู้รับเหมาได้ ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 แก้กฎหมายสิ่งแวดล้อมให้สามารถเปิดประมูลคู่ขนานระหว่างรอผลการพิจารณา EIA ซึ่งหลัง ครม.เห็นชอบจะเปิดประกวดราคาได้ภายใน 3 เดือน โดยจะลงนามสัญญากับผู้รับเหมาได้ต่อเมื่อ EIA ได้รับอนุมัติแล้ว ซึ่งจะระบุเงื่อนไขดังกล่าวไว้ในเอกสารประกวดราคา

โดยรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางประกอบด้วย 1. ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. วงเงิน 20,306.53 ล้านบาท 2. ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม. วงเงิน 24,840.54 ล้านบาท ขณะนี้รายงานผลกระทรวงสิ่งแวดล้อม (EIA) ผ่านคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) แล้วเตรียมเสนอต่อคณะกรรมการ สผ. 3. ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 90 กม. วงเงินประมาณ 9,437 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายงาน EIA 4. สายบ้านไผ่-นครพนม ระยะทาง 347 กม. วงเงิน 66,000 ล้านบาท และ 5.สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 326 กม. วงเงิน 77,486 ล้านบาท ซึ่ง 2 เส้นทางนี้เป็นโครงการใหม่ที่มีการศึกษาออกแบบเรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นตอนทำรายงาน EIA

นอกจากนี้ยังมีทางคู่ 2 เส้นทางที่ได้ส่งเรื่องเสนอไป ครม.แล้ว คือ ช่วง มาบกะเบา-ชุมทางจิระ วงเงิน 29,853 ล้านบาท และ ช่วง ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร วงเงิน 17,290 ล้านบาท หากอนุมัติจะประกวดราคาได้ภายใน 3 เดือน และลงนามในสัญญาได้ทันที เนื่องจากผ่าน EIA เรียบร้อยแล้ว

ปรับปรุงทาง-หัวจักรใหม่-รถโดยสารใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพ วิ่งตรงต่อเวลา

นายวุฒิชาติกล่าวว่า ก่อนหน้านี้รถไฟได้ทยอยเสริมความมั่นคงของทางรถไฟทั้งปรับปรุงทาง เปลี่ยนหมอนคอนกรีต เปลี่ยนรางจากขนาด 80 ปอนด์เป็น 100 ปอนด์ไปแล้วกว่า 90% ทำให้การเดินรถเริ่มตรงต่อเวลามากขึ้น และหากมีการก่อสร้างรถไฟทางคู่เพิ่ม รวมถึงมีการจัดซื้อหัวรถจักร ใหม่ รถโดยสารใหม่ จะทำให้การให้บริการมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย อยู่ระหว่างประมูลซื้อหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้า (Diesel Electric Locomotive) น้ำหนักเพลา 16 ตัน/เพลา จำนวน 50 คัน ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ราคากลาง 6,151 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาคุณสมบัติ ผู้ยื่นซองเพียง 1ราย คือ กิจการร่วมค้า คิวเอส (QS JOINT VENTUER) ประกอบด้วย บริษัท ซีอาร์อาร์ซี ซิซูเอียน จำกัด และ บริษัท ซานโฟโก อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด

นอกจากนี้ยังเตรียมตรวจรับรถโดยสารรุ่นใหม่ 115 คัน วงเงิน 4,668.89 ล้านบาท โดยภายในเดือน พ.ค.นี้จะรับมอบ 2 ขบวนแรก (ขบวนละ13 คัน) ก่อน จากนั้นจะทยอยรับมอบเดือนละ 1 ขบวนจนครบ โดยมีแผนนำมาให้บริการในเส้นทาง กรุงเทพ-เชียงใหม่, กรุงเทพ-อุบลราชธานี, กรุงเทพ-หนองคาย, กรุงเทพ-หาดใหญ่ เพื่อยกระดับการให้บริการรถโดยสารเชิงพาณิชย์ เนื่องจากมีความเร็วสูงสุดถึง 120 กม./ชม. เดินทางได้เร็วขึ้น 3 ชม.ต่อเส้นทาง คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการประมาณ 1.073 ล้านคน/ปี มีรายได้ 1,250.9 ล้านบาท/ปี นอกจากนี้ยังมีแผนเช่าหัวรถจักรรวม 120 คัน มาใช้งานในช่วงระหว่างเปลี่ยนผ่านจากระบบดีเซลเป็นรถไฟฟ้า

“เมื่อทางดี หัวจักรใหม่ รถโดยสารใหม่ ประสิทธิภาพการบริการจะดีขึ้น สร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางกับประชาชน ส่วนรถโดยสารรถสินค้าจะมีเพิ่มขึ้นอีก 308 คัน จะช่วยเพิ่มรายได้อีกประมาณ 20-30% อย่างไรก็ตาม ขณะนี้จะเร่งสรุปกรอบอัตรากำลังเพื่อให้สอดคล้องกับเนื้องานเพื่อเสนอขออนุมัติต่อไป เนื่องจากปัจจุบันมีพนักงาน1.1 หมื่นคนขณะที่มีความต้องการจริง 1.6 หมื่นคน” นายวุฒิชาติกล่าว

สิ้นเดือน มี.ค.เซ็นสัญญา 3 งานระบบรถไฟสายสีแดง

สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตู้รถไฟฟ้าบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน วงเงิน 32,339 ล้านบาท จะลงนามสัญญากับกลุ่มกิจการร่วมค้า MHSC Consortium (บริษัท MITSUBISHI Heavy Industrial Ltd บริษัท Hitachi และ บริษัท Sumitomo Corporation) ให้ได้ในปลายเดือน มี.ค.นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น