ผู้จัดการรายวัน 360 - “เอ็มบีเค” ปรับทัพธุรกิจโรงแรม เล็งปั้นเชนเองขยายครบทุกกลุ่มเป้าหมาย หลังนำร่อง “ทินิดี” แล้วประสบความสำเร็จ พร้อมชูกลยุทธ์ไทม์แชริ่งมาใช้
น.ส.อาทร วนาสันตกุล รองกรรมการผู้จัดการสายการเงินและบริหาร บริษัท เอ็มบีเค โฮเต็ล แอนด์ ทัวร์ริซึ่ม จำกัด ในเครือเอ็มบีเคกรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนจะสร้างแบรนด์โรงแรมของเครือขึ้นมาเองให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น
ปัจจุบันบริษัทฯ มีแล้ว 2 แบรนด์หลัก คือ 1. “ทินิดี” 2 แห่ง คือ “โรงแรมทินิดี แอท ระนอง” และ “โรงแรมทินิดี แอท ภูเก็ต” เป็นโรงแรมระดับ 3-4 ดาว ซึ่งเปิดบริการมาแล้วระยะหนึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีและมีแผนที่จะขยายแบรนด์ไปยังจังหวัดที่มีความสำคัญทางการค้าชายแดนและจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญอีกด้วย เช่น ขอนแก่น หนองคาย พัทยา และหัวหิน
2. แบรนด์ “ลยานะ” เป็นรีสอร์ทแอนด์สปามี 1 แห่ง คือ “ลยานะ รีสอร์ท แอนด์ สปา เกาะลันตา จ.ภูเก็ต” และยังอยู่ระหว่างการศึกษาที่จะเปิดแบรนด์ใหม่ระดับ 5-6 ดาว ด้วย ขณะเดียวกันก็มีแนวคิดที่จะเปลี่ยนชื่อโรงแรมเดิมอีกหลายแห่งที่มีอยู่ แต่เป็นเชนดุสิตธานีบริหารอยู่ เช่น โรงแรมปทุมวัน ปริ้นเซส, โรงแรมดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ท โดยทั้ง 5 แห่งนี้เป็นของบริษัทฯ มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 70%
ในปี 2559 บริษัทฯ จะเปิดตัวโรงแรมใหม่และดำเนินการก่อสร้างจำนวน 2 แห่งที่ จ.กระบี่ เป็นรูปแบบวิลล่า ระดับ 5-6 ดาว จำนวน 50 ห้อง บนพื้นที่ 20-30 ไร่ ใกล้กับโรงแรมดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ท ส่วนอีก 1 แห่งคือที่ จ.ภูเก็ต เป็นวิลล่า 2 ชั้น จำนวน 2 หลัง 8 ห้อง โดยจะใช้กลยุทธ์ไทม์แชริ่งเข้ามาบริการซึ่งจะแยกออกมาจำนวนหนึ่ง คือ การซื้อห้องพักล่วงหน้าตามเงื่อนไขและราคาที่กำหนด เช่น 5 ปี ราคา 1.55 แสนบาท และ 10 ปี ราคา 3.1 แสนบาท เป็นต้น เพื่อจะได้สิทธิในการเข้าพักโครงการอื่นๆ ได้ตามเงื่อนไข
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเปิดโรงแรมใหม่บนเกาะพยาม จ.ระนอง ขนาดไม่เกิน 80 ห้องพัก ลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท โดยในปี 2559 คาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจโรงแรมประมาณ 1.5-1.6 พันล้านบาท เพิ่มจากปี 2558 ที่มี 1.4 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 8% จากรายได้รวมของเครือเอ็มบีเค
น.ส.อาทร วนาสันตกุล รองกรรมการผู้จัดการสายการเงินและบริหาร บริษัท เอ็มบีเค โฮเต็ล แอนด์ ทัวร์ริซึ่ม จำกัด ในเครือเอ็มบีเคกรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนจะสร้างแบรนด์โรงแรมของเครือขึ้นมาเองให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น
ปัจจุบันบริษัทฯ มีแล้ว 2 แบรนด์หลัก คือ 1. “ทินิดี” 2 แห่ง คือ “โรงแรมทินิดี แอท ระนอง” และ “โรงแรมทินิดี แอท ภูเก็ต” เป็นโรงแรมระดับ 3-4 ดาว ซึ่งเปิดบริการมาแล้วระยะหนึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีและมีแผนที่จะขยายแบรนด์ไปยังจังหวัดที่มีความสำคัญทางการค้าชายแดนและจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญอีกด้วย เช่น ขอนแก่น หนองคาย พัทยา และหัวหิน
2. แบรนด์ “ลยานะ” เป็นรีสอร์ทแอนด์สปามี 1 แห่ง คือ “ลยานะ รีสอร์ท แอนด์ สปา เกาะลันตา จ.ภูเก็ต” และยังอยู่ระหว่างการศึกษาที่จะเปิดแบรนด์ใหม่ระดับ 5-6 ดาว ด้วย ขณะเดียวกันก็มีแนวคิดที่จะเปลี่ยนชื่อโรงแรมเดิมอีกหลายแห่งที่มีอยู่ แต่เป็นเชนดุสิตธานีบริหารอยู่ เช่น โรงแรมปทุมวัน ปริ้นเซส, โรงแรมดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ท โดยทั้ง 5 แห่งนี้เป็นของบริษัทฯ มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 70%
ในปี 2559 บริษัทฯ จะเปิดตัวโรงแรมใหม่และดำเนินการก่อสร้างจำนวน 2 แห่งที่ จ.กระบี่ เป็นรูปแบบวิลล่า ระดับ 5-6 ดาว จำนวน 50 ห้อง บนพื้นที่ 20-30 ไร่ ใกล้กับโรงแรมดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ท ส่วนอีก 1 แห่งคือที่ จ.ภูเก็ต เป็นวิลล่า 2 ชั้น จำนวน 2 หลัง 8 ห้อง โดยจะใช้กลยุทธ์ไทม์แชริ่งเข้ามาบริการซึ่งจะแยกออกมาจำนวนหนึ่ง คือ การซื้อห้องพักล่วงหน้าตามเงื่อนไขและราคาที่กำหนด เช่น 5 ปี ราคา 1.55 แสนบาท และ 10 ปี ราคา 3.1 แสนบาท เป็นต้น เพื่อจะได้สิทธิในการเข้าพักโครงการอื่นๆ ได้ตามเงื่อนไข
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเปิดโรงแรมใหม่บนเกาะพยาม จ.ระนอง ขนาดไม่เกิน 80 ห้องพัก ลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท โดยในปี 2559 คาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจโรงแรมประมาณ 1.5-1.6 พันล้านบาท เพิ่มจากปี 2558 ที่มี 1.4 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 8% จากรายได้รวมของเครือเอ็มบีเค
