ผู้จัดการรายวัน 360 - “ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก” พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบ ก.ค.59 หลังทุ่มทุนครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปีด้วยงบฯ 280 ล้านบาท ย้ำภาพลักษณ์ศูนย์รวมโบราณวัตถุใหญ่สุดในเอเชีย ควบศูนย์รวมเรือภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ คาดอนาคตนักท่องเที่ยวเพิ่มจากอานิสงส์การเกิดใหม่ของโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ ศูนย์การค้า โรงแรมและที่พักริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
นายวรพงศ์ สุขธีรอนันตชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ้าพระยา ดีเวล๊อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือบริษัทอิตัลไทยกรุ๊ป ผู้บริหารศูนย์การค้า “ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก” เปิดเผยว่า บริษัทฯ ใช้งบประมาณกว่า 280 ล้านบาทในการปรับปรุงศูนย์การค้าฯ เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 30 ปี ภายใต้แนวคิด “THE ANCHOR OF ARTS & ANTIQUES” โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือน ส.ค.58 จนปัจจุบันมีความคืบหน้าประมาณ 80% คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการครบเต็มรูปแบบในเดือน ก.ค.59
การปรับปรุงครั้งนี้เป็นการสร้างภาพลักษณ์ความเป็น “ศูนย์รวมงานศิลปะ โบราณวัตถุและสินค้าที่มีเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย” รวมพื้นที่ให้บริการ 4.74 หมื่นตร.ม. แบ่งเป็นพื้นที่ขายและบริการภายใน 4.6 หมื่นตร.ม. และพื้นที่ริมน้ำ 1.4 พันตร.ม. แบ่งสัดส่วนเป็นร้านศิลปะและวัตถุโบราณ จำนวนมากกว่า 100 ร้านค้า คิดเป็นสัดส่วน 60% ร้านสินค้าไลฟ์สไตล์ อาทิ ร้านตัดสูท ร้านจำหน่ายผ้าไหม เครื่องหนัง เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน 20% และร้านอาหารและคาเฟ่ จำนวน 160 ร้านค้า 20% รวมถึงการเพิ่มท่าเรือโดยสารสาธารณะและท่องเที่ยวเป็น 3 ท่าจากเดิมที่มี 2 ท่า
ปัจจุบันศูนย์การค้าฯ มีลูกค้าและนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายใช้สอยวันละประมาณ 1.5-2 พันคนต่อวัน ส่วนใหญ่ 70% คิดเป็นชาวต่างชาติ ขณะที่อีก 30% เป็นชาวต่างชาติที่ทำงานประเทศไทยและชาวไทย โดยชาวต่างชาติที่ใช้บริการ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.จีน 2.ยุโรป (เยอรมนี, สวิตเซอร์แลนด์, ฝรั่งเศส) 3.อินเดีย 4.สหรัฐอเมริกา 5.ฮ่องกง/สิงคโปร์ โดยมีการจับจ่ายใช้สอยสินค้าทั่วไป เช่น ตัดสูท ผ้าไหม และอื่นๆ เฉลี่ยคนละ 4-5 หมื่นบาท ส่วนสินค้าศิลปะและวัตถุโบราณไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากบางชิ้นมีราคาสูงมากกว่าหลักล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากกว่า 4 พันคนต่อวัน
นายวรพงศ์ กล่าวด้วยว่า ศูนย์การค้า “ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก” ถือเป็นศูนย์รวมเรือภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ โดยแต่ละวันมีเรือภัตตาคารขนาดเล็ก ให้บริการที่นั่งตั้งแต่ 20-120 คน จำนวน 20-30 ลำ และเรือภัตตาคารขนาดใหญ่ ให้บริการที่นั่งตั้งแต่ 200-500 คน จำนวน 5-6 ลำ ใช้เป็นจุดเทียบท่ารับ-ส่งนักท่องเที่ยววันละมากกว่า 4 พันคน
“ในปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ประมาณ 200 ล้านบาท โดยจะมีการปรับราคาทุก 3 ปีเฉลี่ยประมาณ 15-30% จากปัจจุบันเดือนละประมาณ 1.2-2.3 พันบาทต่อตร.ม. โดยหลังจากการปรับปรุงครั้งนี้คาดว่าจะทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 20% และจะเพิ่มต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 10% พร้อมช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 25%”
นายวรพงศ์ กล่าวเสริมว่า ธุรกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยา (ช่วงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า-สะพานพระรามเก้า) มีแนวโน้มการเติบโตมากยิ่งขึ้นจากการพัฒนาโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ต่างๆ เช่น เอเชียทีค, ตลาดยอดพิมาน, ท่ามหาราช รวมถึงศูนย์การค้า “ดิ ไอคอน สยาม” ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการภายในปี 2560 ขณะเดียวกันยังมีโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไปถึง 12 แห่ง ให้บริการห้องพักจำนวน 5,076 ห้อง และอพาร์ทเม้นท์อีก 5,711 ห้อง จึงทำให้คาดว่าในอนาคตจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
“การปรับปรุง ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ถือเป็นการพัฒนาเพื่อสร้างจุดยืนและความแตกต่างที่ชัดเจนเพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน ประกอบกับจุดแข็งด้านทำเลที่ตั้งซึ่งอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งทางน้ำและทางบก จึงคาดว่าจะทำให้ศูนย์การค้าแห่งนี้เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจริมน้ำบนฝั่งพระนครต่อไป”
สำหรับแนวคิดการออกแบบมีการวางผังพื้นที่ใหม่และปรับพื้นที่ทั้งภายในศูนย์การค้าฯ ตลอดจนพื้นที่ริมน้ำให้โดดเด่นและตอบโจทย์ความต้องการในการจัดการพื้นที่มากยิ่งขึ้น เริ่มตั้งแต่รอบนอกตัวอาคารทั้งฝั่งด้านหน้าและฝั่งริมน้ำได้ปรับปรุงพื้นที่ให้โปร่ง ร่มรื่น และดูทันสมัย เน้นการดีไซน์ฟังก์ชั่นของการใช้งานทั้งทางรถและทางเดิน รวมทั้งเพิ่มตัวอาคารใหม่เป็น BOAT/CRUISE TOUR CENTER เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้าออกตลอดวัน
ส่วนตัวอาคารตบแต่งด้วยกระจกใสมีความทันสมัยและโดดเด่น มีชีวิตชีวาทั้งกลางวันและยามค่ำคืนด้วยสติ๊กเกอร์พิเศษที่เล่นกับแสงไฟยามค่ำ ตามด้วยงานตบแต่งภายในศูนย์การค้าฯ ที่ดีไซน์เนอร์ได้เลือกใช้วัสดุและโทนสีที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ “ริเวอร์ ซิตี้ แบ็งค็อก” คือ สีดำ ขาว และทอง
อีกหนึ่งจุดเด่นของการปรับโฉมครั้งนี้คือ พื้นที่ฮอลล์ชั้น 1 ที่ได้ปรับให้เปิดโล่งสูงโปร่งจรดเพดานถึง 4 ชั้น เน้นงานดีไซน์ลวดลายร่วมสมัย ปูพื้นลายสีดำขาวตารางหมากรุก โดยมีโซน RCB ARTERY ซึ่งรองรับการจัดงานทุกรูปแบบ รายล้อมด้วยร้านค้าที่เพิ่มขึ้นใหม่กับวินโดว์วอลล์สูง 3 ชั้น รวมถึงการปรับพื้นที่ใหม่พร้อมฟังก์ชั่นสำหรับการจัดแสดงนิทรรศการงานศิลปะโดยเฉพาะในสไตล์แกลลอรี่ของห้อง RCB GALLERIA บริเวณชั้น 2 พร้อมทั้งปรับปรุงห้องประมูลงานศิลปะและโบราณวัตถุให้มีความร่วมสมัย พร้อมเปลี่ยนชื่อจาก “ริเวอร์ไซด์ อ๊อคชั่น เฮ้าส์” เป็น “RCB AUCTIONS” ที่มีความเฉพาะและโดดเด่นในระดับสากลยิ่งขึ้น
“RCB AUCTIONS” จัดเป็นบริษัทจัดงานประมูลศิลปะและโบราณวัตถุระดับประเทศที่จะมีการจัดงานประมูลสำคัญๆ เป็นประจำในวันเสาร์แรกของทุกเดือนมาตลอด 30 ปี โดยจัดการประมูลมาแล้ว 367 ครั้ง มีสินค้าที่นำมาประมูลกว่า 8 หมื่นรายการ ด้วยยอดประมูลกว่า 700 ล้านบาท โดยสินค้าทุกชิ้นผ่านการตรวจสอบโดยกรรมการจาก สมาคมเผยแพร่และส่งเสริมศิลปวัตถุ ซึ่งสามารถออกใบรับรองความเป็นวัตถุโบราณ
ทั้งนี้ ในเดือน เม.ย.59 จะมีการจัดประมูลครั้งที่ 368 ภายใต้ชื่อ “THE FIRST GRAND AUCTION 2016” งานประมูลศิลปะและโบราณวัตถุครั้งใหญ่ รวมงานศิลปะถึง 360 ชิ้น อาทิ เครื่องเงิน เครื่องเซรามิก เครื่องเบญจรงค์ เครื่องไม้ เฟอร์นิเจอร์ โดยมีชิ้นงานเด่นคือ ชามเบญจรงค์ลายน้ำทองลายพระอภัยมณี ศิลปะไทยรัตนโกสินทร์ โดยคาดว่าการประมูลครั้งนี้จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมประมูลได้ทุกเดือน โดยจะเป็นการประมูลใหญ่ 3 ครั้งในเดือน เม.ย. ส.ค. และธ.ค. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0 2237 0077-78 หรือ www.rivercitybangkok.com และ www.facebook.com/pages/RiverCity Bangkok