ในขณะที่สินค้าเกษตรสำคัญของไทย อย่าง “ข้าว” ราคากำลังตกต่ำ รวมถึงการส่งออกไปต่างประเทศนับวันยิ่งยากลำบาก แต่สำหรับสินค้าตรา “ป้าเพ็ญศรี” กลับสวนกระแส มีออเดอร์เต็มล้นจนผลิตไม่ทัน เพราะสามารถนำข้าวมาแปรรูปเป็น “ขนมจีนอบแห้ง” ช่วยเพิ่มมูลค่าขายได้ราคาสูง และตอบความต้องการของลูกค้าในต่างประเทศได้อย่างดี
ที่น่าทึ่งกว่านั้น ผู้บุกเบิกเป็นเพียงแม่บ้านธรรมดาอย่าง “เพ็ญศรี แก้วสมบัติ” แม้อายุจะล่วงเลยวัยเกษียณไปแล้ว แต่ความคิดสร้างสรรค์และพลังในการทำงานยังเต็มเปี่ยม
เนื่องจาก ต.ชมเจริญ อ.ปากชม จ.เลย ชาวบ้านมีอาชีพหลักทำนา รายได้มักไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ประมาณ พ.ศ. 2539 ป้าเพ็ญศรีจึงลุกขึ้นมาเป็นแกนนำชักชวนแม่บ้านในท้องถิ่นนำข้าวมาแปรรูปเป็น “ข้าวแต๋น” เพื่อสร้างรายได้เสริมในช่วงนอกฤดูกาลทำนา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสินค้าไม่มีความโดดเด่นใดๆ ประกอบกับมีกลุ่มผู้ผลิตข้าวแต๋นรายอื่นๆ อยู่แล้วจำนวนมาก สินค้าจึงไม่ได้รับความสนใจมากนัก ต่อเดือนจึงมียอดขายแค่ประมาณ 3,000-4,000 บาทเท่านั้น
“ตอนทำข้าวแต๋นขายไม่ค่อยดีนัก ป้าก็คิดอยากทำสินค้าอื่นๆ แทน จนสังเกตเห็นว่าคนทั่วไปนิยมกินขนมจีนเยอะมาก แต่ก็จะมีปัญหาเส้นขนมจีนเสียง่าย เพราะเป็นเส้นหมัก ไม่กี่วันก็บูดแล้ว และไม่สะดวกจะพกไปกินเวลาเดินทางไกลๆ ป้าเลยคิดถึงเส้นก๋วยเตี๋ยวยังทำเป็นเส้นอบแห้งได้ เลยคิดว่าเส้นขนมจีนก็น่าจะทำเป็นอบแห้งได้เหมือนกัน” เธอเล่าแนวคิดเริ่มต้น
ป้าเพ็ญศรีไม่มีความรู้เรื่องการแปรรูปทำเส้นขนมจีนอบแห้งมาก่อนเลย ทั้งหมดอาศัยลองผิดลองถูกคิดเองจนได้สูตรเฉพาะตัว โดยทำมาจากแป้งข้าวเจ้า 80-85% ผสมกับแป้งมัน 5% และน้ำเปล่า 10% นำมาคลุกรวมจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นใส่เครื่องบีบให้ออกมาเป็นเส้นๆ หลังจากนั้นพักไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วนำไปตากแดด อีก 3-4 ชั่วโมง แล้วเข้าเครื่องอบที่อุณหภูมิ 40 องศา อีกประมาณ 1 ชั่วโมง
นอกจากนั้น เพื่อเพิ่มความสวยงามน่ากิน นำพืชสมุนไพรต่างๆ ได้แก่ ดอกอัญชัน ใบเตย แครอท ฟักทอง และแก้วมังกร มาต้มสกัดเป็นน้ำแล้วผสมลงไปด้วย ช่วยให้เส้นออกมามีสีสันสวยงาม นอกจากนั้นยังมีสีจากธรรมชาติ เช่น ข้าวลืมผัว และข้าวกล้อง รวมแล้ว เส้นขนมจีนอบแห้งตรา “ป้าเพ็ญศรี” มีถึง 7 สีด้วยกัน
เธอเล่าต่อว่า ช่วงแรกที่ออกขายทำกันเองง่ายๆ ไม่ได้มีมาตรฐานใดๆ รับรอง เครื่องไม้เครื่องมือล้วนเป็นอุปกรณ์ที่หาได้จากในครัว วางตลาดเมื่อประมาณ พ.ศ. 2552 ซึ่งหลังจากได้มีโอกาสออกงานแสดงสินค้าชุมชนต่างๆ ทำให้เริ่มเป็นที่รู้จัก หน่วยงานภาครัฐ และสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่พบเห็นต่างชื่นชมถึงการเป็นสินค้าแปลกใหม่ และใช้ประโยชน์ได้จริง จึงเข้ามาช่วยพัฒนาต่อยอด ด้วยการสนับสนุนทั้งด้านเครื่องจักร และมาตรฐานการผลิต ช่วยให้ผลิตเส้นขนมจีนอบแห้งที่สะอาดปลอดภัย และเก็บไว้ได้นานถึง 1 ปีโดยไม่ได้ใส่สารกันเสียใดๆ เลย นอกจากนั้น ได้เครื่องหมายโอทอป 4 ดาวการันตีคุณภาพอีกด้วย
สำหรับวิธีการใช้ แค่นำเส้นขนมจีนอบแห้งแช่ในน้ำเปล่าประมาณ 20 นาที จากนั้นนำไปลวกในน้ำเดือด 2 นาที แล้วตักขึ้นมาใส่ในน้ำเย็น เพียงแค่นี้ก็จะได้เส้นขนมจีนที่พร้อมกิน ตั้งราคาขาย ห่อละ 35 บาท น้ำหนักต่อห่ออยู่ที่ 200 กรัม ซึ่งมูลค่าสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับขนมจีนสดแป้งหมักที่ขายตามท้องตลาด
ทุกวันนี้ขนมจีนอบแห้งตรา ‘ป้าเพ็ญศรี’ กลายเป็นสินค้าส่งออกไปกว่า 10 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่ทวีปอเมริกา ยุโรป และเอเชีย โดยกลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่ คือ ร้านอาหารไทยในต่างแดน และคนไทยที่ไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ ส่วนในประเทศจะขายผ่านร้านของฝากใน จ.เลย และออกงานแสดงสินค้าโอทอปต่างๆ เฉลี่ยยอดขายเดือนละประมาณ 1.5 แสนบาท หรือปีละเกือบ 2 ล้านบาท
ไม่เท่านั้น 2 ปีที่แล้วป้าเพ็ญศรี ยังต่อยอดทำ “ผงน้ำยาสำเร็จรูป” ด้วยการนำน้ำยามาคั่วจนแห้ง วิธีนำมากิน แค่ต้มกับน้ำเดือด 2 นาทีจะได้น้ำยาที่พร้อมจะกินกับเส้นขนมจีนได้แล้ว ขณะนี้มี 5 ชนิด ได้แก่ น้ำยาสูตรต้นตำรับ น้ำยาป่า น้ำยาไตปลา น้ำยาเจ และน้ำยาใต้ ขายซองละ 35 บาท
หญิงชราคนเก่งระบุว่า ขนมจีนอบแห้ง “ป้าเพ็ญศรี” ผลิตภายใต้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านชมน้อย จ.เลย ขณะนี้มีสมาชิกกลุ่มทั้งหมด 15 คน สินค้าได้รับความนิยมดีต่อเนื่อง มีคำสั่งซื้อสูงจนผลิตไม่ทัน ดังนั้น กำลังสร้างโรงตากเส้นขนมจีนเพิ่ม รวมถึง เร็วๆ นี้กำลังออกสินค้าใหม่ด้วยการนำขนมจีนอบแห้งและผงน้ำยาสำเร็จรูปบรรจุรวมกันเป็นชุดๆ สะดวกแก่ผู้บริโภคซื้อติดบ้านไว้
ถึงจะเป็นผู้ประกอบการรายเล็กๆ ระดับชุมชน แถมสูงวัยแล้ว แต่เมื่อมีความคิดสร้างสรรค์ และความพยายาม ผลสำเร็จย่อมเกิดขึ้นได้ ป้าเพ็ญศรีพิสูจน์ให้เห็นแล้ว
โทร. 08-2123-5189 หรือ www.facebook.com/KanomjeanPensri/
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *