ผู้จัดการรายวัน 360 - โรงพยาบาลยันฮี เดินหน้าขยายบริการ “ศูนย์สักรักษา” บริการครบวงจร ทั้งสักเพื่อความงามและแก้ไขจุดด้อย รวมสักคิ้ว ริมฝีปาก สักปานนม-หัวนม ขอบตา และสักรักษาสีผิวด่างขาว ลบรอยแผลเป็น แผลไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวก ชูจุดเด่นความเป็นโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือ การดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำตามหลักวิชาการได้มาตรฐาน ปราศจากเชื้อในขั้นตอนและเครื่องมือและใช้สีสักจากธรรมชาติไม่ทำให้แพ้ เจาะกลุ่มชายชอบหล่อเข้ม สาวประเภทสอง และสาวแท้รักสวยรักงาม คาดปี 59 ลูกค้าเพิ่มอีก 5-10% จาก 300-400 คนต่อเดือน
นพ.ไพบูลย์ สิริพิสุทธิ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ “ศูนย์สักรักษา” โรงพยาบาลยันฮี เปิดเผยว่า โรงพยาบาลยันฮี ได้ตั้ง “ศูนย์สักรักษา” มาเป็นเวลา 15 ปีแล้ว เพื่อเป็นศูนย์ความงามอย่างครบวงจรช่วยแก้ปัญหาประชาชนที่ไปใช้บริการจากสถานบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน เครื่องมือไม่สะอาด ผู้สักไม่ได้ผ่านการฝึกอบรมและทำให้เสี่ยงเกิดปัญหาติดเชื้อไม่พึงประสงค์ อาทิ เชื้อตับอักเสบ หรือเอชไอวี โดยปี 2559 วางแผนขยายฐานการตลาดของศูนย์สักรักษาซึ่งยังมีช่องว่างทางการตลาดที่น่าสนใจ รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าอัตราการเติบโตในปีนี้ 5-10% เช่นทุกปี จากปัจจุบันที่มีลูกค้ามาใช้บริการศูนย์สักรักษาราว 300-400 รายต่อเดือน
นพ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ศูนย์สักรักษาของโรงพยาบาลยันฮี มีความโดดเด่นหลายด้านคือ 1.ความพร้อมของสถานที่ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีความสะอาด ปลอดเชื้อ ปลอดภัย 2.อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีความทันสมัย โดยเฉพาะเครื่องมือและสีที่ใช้ในการสักได้นำเข้ามาจากสหรัฐอเมริกาโดยตรง ซึ่งเป็นสีจากธรรมชาติที่ได้รับการรับรองว่าสามารถนำมาใช้กับร่างกายของมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ 3.ประสบการณ์โดยตรงของแพทย์ซึ่งได้รับการอบรมและได้รับวุฒิบัตรเกี่ยวกับการสักจากประเทศสหรัฐอเมริกา
“การสักตอบโจทย์ 2 รูปแบบ ได้แก่ การสักเพื่อความงาม เช่น การสักคิ้ว การสักขอบตา การสักปานนม-หัวนม และสักเพื่อรักษา หรือแก้ปัญหาบกพร่องต่างๆ เช่น ผิวด่างขาว แผลเป็นและแผลไฟไหม้ หรือแผลน้ำร้อนลวก โดยมีสัดส่วนการสักเพื่อความงาม 80% และสักอื่นๆ 20% ในขณะที่การสักคิ้วมีมากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาได้แก่ สักปาก-ริมฝีปาก”
นพ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ศูนย์สักรักษาไม่รับบริการสักลวดลายสวยงามเหมือนร้านบริการสักภายนอก เพื่อป้องกันการเกิดปัญหากับผู้สักในระยะยาว เช่น เป็นอุปสรรคในงานอาชีพที่ห้ามผู้มีรอยสัก เช่น ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ และอื่นๆ และยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการลบรอยสักที่แพงกว่า ซึ่งจะอยู่ที่ครั้งละ 3 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาท จากราคาสักประมาณ 2 พันบาท โดยศูนย์สักรักษารับแก้ หรือลบรอยสักให้ซึ่งต้องไปผ่านขั้นตอนเลเซอร์สลายสีออกก่อนและสักลบร่องรอยให้เป็นสีกลมกลืนกับสีผิวปกติ
สำหรับลูกค้าของศูนย์สักรักษา ได้แก่ ผู้อยู่ในวัยทำงาน หรืออายุ 20 ปีขึ้นไปเป็นส่วนใหญ่ มีอายุมากสุดถึง 90 ปี และน้อยสุดที่ 15 ปี โดยมีสัดส่วนเป็นผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ถึง 80% แต่มีการขยายกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเป็นกลุ่มผู้ชายที่ต้องการเสริมหล่อเข้ม เช่น สักคิ้วให้ใบหน้าคมเข้มขึ้น กลุ่มนี้มีประมาณ 10% และสาวประเภทสองอีก 10% ที่ต้องการสักปานนม-หัวนมให้เป็นสีชมพูจากเดิมที่มักจะมีสีดำคล้ำ เพื่อเพิ่มความสวยงามของทรวงอก โดยการสักปานนม-หัวนมมักจะทำควบคู่ไปกับการเสริมหน้าอก มีสัดส่วนเป็นลูกค้าชาวไทย 90% เป็นลูกค้าชาวต่างชาติ 10%
“จุดเด่นที่สำคัญของศูนย์สักรักษาอีกประการหนึ่งคือไม่เจ็บ เพราะมีการนำยาชาเฉพาะที่มาใช้และยังนำยานอนหลับระยะสั้นมาใช้ร่วมด้วยในกรณีสักในจุดละเอียดอ่อน บอบบาง เช่น ริมฝีปาก ขอบตา และปานนม ซึ่งการใช้ยาชาเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ เพราะคนไข้จะรู้สึกเจ็บขณะสัก”
ส่วนสนนราคาค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 5-7 พันบาทต่อรายการ โดยใช้เวลาในการสักประมาณ 30 นาที-1 ชั่วโมง แตกต่างกันไปในแต่ละรายการ เช่น สักคิ้วจะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีและยังมีการรับประกันความพอใจสูงสุดสำหรับลูกค้า โดยจะมีการออกแบบให้ลูกค้าพึงพอใจก่อนลงมือสักและแก้ไขให้จนจะพอใจโดยไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับรอยสักสีจะจางลงไปเรื่อยๆ เช่น คิ้วจะอยู่ได้ประมาณ 2-3 ปี
นพ.ไพบูลย์ กล่าวว่า เวลานี้เชื่อว่าศูนย์สักรักษาของโรงพยาบาลยันฮียังไม่มีคู่แข่ง แม้ในสภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวจะได้รับผลกระทบบ้าง เป็นการชะลอการตัดสินใจ แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบเป็นระยะยาว