xs
xsm
sm
md
lg

“อุปกรณ์สัก” ไม่ใช่เครื่องมือแพทย์ ไร้ กม.ควบคุม เตือนระมัดระวังก่อนรับบริการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


อย. แจง “อุปกรณ์สัก” เพื่อความงาม - ศาสนา ไม่ใช่เครื่องมือแพทย์ เตือนก่อนสักพิจารณาสถานที่ปลอดภัย สะอาด ปราศจากเชื้อ ผู้สักผ่านการอบรม ป้องกันเกิดผลเสียและผลข้างเคียง ถึงขั้นติดเชื้อ แพ้สี

ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และโฆษก อย. กล่าวว่า ปัจจุบันการสักตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ทั้งเพื่อความสวยงาม เช่น การสักคิ้ว ริมฝีปาก หัวนม ผิวหนัง เป็นต้น เพื่อจารีตประเพณีทางศาสนา และเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นการสักเพื่อแก้ไขความผิดปกติของผิวหนัง หรือโรคผิวหนังบางชนิด เช่น แผลเป็นจากอุบัติเหตุ ผ่าตัด ไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวก ผมร่วง โรคด่างขาว (Vitiligo) การสักเพื่อสร้างขอบปากหลังผ่าตัดปากแหว่ง หรือการทำหัวนมและลานหัวนมเทียมภายหลังการผ่าตัดเต้านม ซึ่งอุปกรณ์ที่นำมาใช้สักทางการแพทย์ จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ตาม พ.ร.บ. เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 ผู้นำเข้าต้องจดทะเบียนสถานประกอบการ และปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 34 พ.ศ. 2549 เรื่อง กำหนดเครื่องมือแพทย์ที่ห้ามนำเข้าหรือขาย การเลือกใช้บริการที่เกี่ยวกับการสักทางการแพทย์ สถานที่ดังกล่าวต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลรวมถึงมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการรักษา

ภก.ประพนธ์ กล่าวว่า ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้สักเพื่อความสวยงาม หรือเพื่อจารีตประเพณีทางศาสนา ไม่เข้าข่ายเป็นเครื่องมือแพทย์ เพราะไม่ถือเป็นการประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือเพื่อการบำบัด บรรเทา หรือรักษาโรคของมนุษย์ ดังนั้น การเลือกใช้บริการการสักเพื่อความสวยงาม หรือเพื่อจารีตประเพณีทางศาสนา ผู้บริโภคควรตระหนักในเรื่องสถานที่ต้องมีความสะอาด อยู่ในสถานที่ที่เปิดเผยและมีสถานที่ตั้งเป็นหลักเป็นแหล่งแน่นอน อุปกรณ์ที่ใช้ในการสัก อาทิ เครื่องสัก เข็มสำหรับสัก ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากเชื้อ หรือมีการล้างทำความสะอาด ฆ่าเชื้ออุปกรณ์ก่อนนำมาสัก สีที่ใช้ในการสักควรแยกหลอดสีในลูกค้าแต่ละราย ไม่ควรใช้ร่วมกันเพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ

“นอกจากนี้ ผู้ที่ทำการสักจะต้องได้รับการอบรมเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการสัก ข้อห้ามใช้ ข้อควรระวัง และต้องมีความรู้และสามารถสื่อสารให้ผู้รับการสักทราบถึงการปฏิบัติตน การดูแลรักษาแผลภายหลังการสัก ส่วนผู้ที่รับการสัก ควรศึกษาถึงผลเสียและอาการข้างเคียงจากการสักและการลบรอยสัก เช่น แผลเป็น อาการบวม คัน อาการแพ้สีที่ใช้ในการสัก เนื่องจากปฏิกิริยาการตอบสนองต่อสีที่ใช้ในการสักในแต่ละคนไม่เหมือนกัน อาการแทรกซ้อน การติดเชื้อ HIV และไวรัสตับอักเสบ เป็นต้น รวมถึงต้องมีอายุที่เหมาะสม ทั้งนี้ ผู้ที่คิดจะสักควรพิจารณาให้รอบคอบ เพราะหากต้องการลบรอยสักจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง และไม่สามารถลบรอยสักออกได้หมด” รองเลขาธิการ อย. กล่าว

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น