“กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” เตรียมถก “คิงเพาเวอร์” คงพื้นที่จำหน่ายสินค้าโอทอปในสนามบินสุวรรณภูมิต่อไป เพื่อช่วยเหลือผู้ผลิต หลังปี 58 ทำยอดขายได้สูงกว่า 63 ล้านบาท พร้อมหารือ ทอท.เปิดสถานที่ให้จำหน่ายเพิ่มที่ดอนเมือง อู่ตะเภา และสนามบินนานาชาติทั่วประเทศ
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ เตรียมหารือกับบริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้รับสัมปทานเช่าพื้นที่ในสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อให้เปิดพื้นที่สำหรับการจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป) ไว้เหมือนเดิม หลังจากที่สัญญาได้สิ้นสุดลง โดยขอให้คงพื้นที่จำหน่ายที่เดิม มีเงื่อนไขการสนับสนุนเหมือนเดิม และขอให้ซื้อสินค้าแบบซื้อขาด ไม่ใช่การฝากวางจำหน่าย เพื่อให้คิงเพาเวอร์สามารถบวกกำไรและทำการตลาดได้ตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ ในปี 2558 ที่ผ่านมายอดจำหน่ายสินค้าโอทอปที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีสูงถึง 63.90 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดจำหน่ายที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จึงต้องการที่จะให้คิงเพาเวอร์ให้การสนับสนุนการจำหน่ายสินค้าโอทอปต่อไป
สำหรับสินค้าโอทอปที่จำหน่ายได้ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มูลค่า 60.50 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้ากลุ่มเสื้อผ้าสำเร็จรูป สัดส่วน 41% มูลค่า 26 ล้านบาท กลุ่มอาหารท้องถิ่น 20% มูลค่า 12 ล้านบาท ผ้าไหมไทย 7% มูลค่า 4.3 ล้านบาท กลุ่มสินค้าสปา 4% มูลค่า 2.4 ล้านบาท กลุ่มงานศิลปะ 4.2 ล้านบาท กลุ่มยา 9% มูลค่า 5.6 ล้านบาท กลุ่มของที่ระลึกท้องถิ่น 4% มูลค่า 2.5 ล้านบาท งานหัตถกรรม 5% มูลค่า 3.0 ล้านบาท กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และไวน์ 4% มูลค่า 2.8 ล้านบาท โดยมีจำนวนผู้ขายและผลิตภัณฑ์โอทอป 151 กลุ่ม 743 ผลิตภัณฑ์
อย่างไรก็ตาม หากมีการต่อสัญญาแล้ว กรมฯ จะจัดหาผู้ประกอบการโอทอปรายใหม่ๆ ให้เอกชนคัดเลือก เพื่อนำไปจำหน่าย เพื่อให้สินค้ามีความหลากหลายเพิ่มขึ้น และช่วยสร้างโอกทางทางการตลาดให้แก่ผู้ผลิตสินค้าโอทอปรายใหม่ ส่วนรายเดิมที่มีขีดความสามารถ ก็จะพัฒนาให้ก้าวขึ้นไปสู่ระดับสากลต่อไป
น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า กรมฯ ยังจะเจรจากับภาคเอกชนผู้รับสัมปทานพื้นที่เช่าในท่าอากาศยานดอนเมือง ทั้งกลุ่มคิงเพาเวอร์ และเดอะมอลล์กรุ๊ป รวมถึงเจรจากับการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) เพื่อใช้แนวทางพัฒนาเดียวกันนี้ในการส่งเสริมและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้แก่สินค้าโอทอป โดยจะนำไปวางจำหน่ายที่ท่าอากาศยานดอนเมือง อู่ตะเภา และสนามบินนานาชาติทั่วประเทศ
สำหรับการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับสินค้าโอทอปอื่นๆ กรมฯ จะเน้นใช้การซื้อขายผ่านตลาดออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ Thaicommercestore.com ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการโอทอปจำนวน 1,200 รายเป็นสมาชิก และหากรายใดมีความเข้มแข็ง ก็จะผลักดันให้ไปซื้อขายในระดับสากล เปิดตัวออกสู่ตลาดต่างประเทศทางเว็บไซต์ thaitrade.com และยังจะใช้ช่องทางจำหน่ายผ่าน Shop Chanel และแค็ตตาล็อก เป็นต้นด้วย