“กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” เดินหน้าดัน SMEs เข้าตลาดหลักทรัพย์ คัดบริษัทที่ผ่านการฝึกอบรมแล้ว 50 ราย เข้าพบผู้จัดการตลาด MAI 18 ก.พ.นี้ หารือโอกาสในการเข้าระดมทุน พร้อมเชิญ “ธนพิริยะ-คอมเซเว่น” ที่เข้าไปแล้วมาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นำผู้บริหารของธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ธุรกิจแฟรนไชส์ ธุรกิจลอจิสติกส์ ธุรกิจบริการ ที่ผ่านการพัฒนามาตรฐานตามเกณฑ์ที่กรมฯ กำหนด และเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการดำเนินกิจการ โดยมีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท มีรายได้ปีละไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท จำนวน 50 ราย เข้าเยี่ยมชมตลาดหลักทรัพย์ฯ และเข้ารับฟังแนวทางการนำธุรกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 18 ก.พ. 2559 นี้
“เป็นการสร้างความพร้อมให้แก่ธุรกิจของไทยอีกขั้นหนึ่ง หลังจากที่กรมฯ ได้พัฒนาธุรกิจจนมีขีดความสามารถในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้นแล้วจึงต้องการผลักดันให้เข้าตลาดหลักทรัพย์ เพราะจะมีส่วนช่วยในการขยายกิจการ และสามารถระดมทุนจากประชาชน ทั้งนักลงทุนในและต่างประเทศ เพื่อขยายธุรกิจและสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจเพิ่มขึ้น”
ทั้งนี้ กรมฯ จะนำธุรกิจทั้ง 50 รายการ ไปรับฟังแนวทางการเข้าตลาดหลักทรัพย์จากนายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ MAI และยังได้เชิญบริษัทที่กรมฯ ให้การฝึกอบรม และประสบความสำเร็จเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้แล้ว อย่างบริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) และบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) มาร่วมให้ความรู้ และแนะนำเทคนิคในการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ให้กับผู้ประกอบการด้วย
น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า ประโยชน์ในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้นจะทำให้บริษัทมีแหล่งเงินทุนระยะยาว เพราะสามารถระดมทุนจากประชาชนเพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจโดยไม่ต้องกู้ยืมเงินหรือต้องเสียดอกเบี้ย สามารถระดมทุนได้หลากหลายช่องทาง ทั้งออกหุ้นสามัญเพิ่ม หุ้นกู้แปลงสภาพ ใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหลักทรัพย์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังจะช่วยให้ธุรกิจบริหารงานอย่างมืออาชีพ เพราะมีระบบตรวจสอบที่รัดกุมจากตลาดหลักทรัพย์ มีการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตขึ้นในระยะยาว จากการที่บริหารงานอย่างมืออาชีพ และสร้างความภักดีและผลตอบแทนที่ดีให้กับพนักงาน
น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า การผลักดันให้ธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ ยังเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจของไทย เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่ได้เปิดไปแล้วในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เพราะธุรกิจจะมีเงินทุนในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น และสามารถขยายกิจการเข้าสู่ตลาดอาเซียนได้