วาเลนไทน์ปีนี้คึกคัก เงินสะพัด 3,675 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.61% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เหตุคนมองเศรษฐกิจดีขึ้น เริ่มกล้าใช้จ่าย และส่วนใหญ่ของแพงขึ้น น่าตกใจ ผลสำรวจพบวัยรุ่นต่ำกว่า 15 ปี เล็งใช้หอพักมีเพศสัมพันธ์ ส่วนอายุ 16 ปีขึ้นไปจะใช้ห้องพักรายวัน ใช้ม่านรูดลดลง เหตุเจ้าหน้าที่คุมเข้ม
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมและการใช้จ่ายช่วงวาเลนไทน์ ว่าจะมีการใช้จ่ายช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ปี 2559 มูลค่า 3,675 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.61% ซึ่งเป็นมูลค่ามากสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการสำรวจมาตั้งแต่ปี 2550 เนื่องจากประชาชนคาดหวังว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัว จึงกล้าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น และมีการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวมากขึ้น รวมทั้งราคาสินค้าแพงขึ้น โดยเฉพาะของขวัญ ดอกไม้ อาหารและอื่นๆ
ทั้งนี้ การใช้จ่ายช่วงวาเลนไทน์ส่วนใหญ่จะใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 2,258 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มีการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนที่ 1,901 บาท โดยที่มาของเงินที่ใช้จ่าย ส่วนใหญ่จะใช้เงินเดือน 55.5% รองลงมาเป็นการใช้เงินออม 38.2% เงินจากโบนัส 3.1% และเงินจากอื่นๆ เช่น ขอผู้ปกครอง 3.2% เป็นต้น
“ปีนี้ผลการสำรวจพบว่าประชาชนจะมีการซื้อดอกไม้ให้กันเพิ่มขึ้น และคาดหวังจากคู่รักว่าจะได้ดอกไม้มากที่สุด รองลงมาคือ ของขวัญ การบอกรัก พาไปเที่ยว กินข้าว ได้ช็อกโกแลต รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์” นางเสาวณีย์กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามทัศนะเกี่ยวความสำคัญของวันหรือเทศกาลต่างๆ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญวันพ่อและวันแม่มากที่สุด รองลงมาเป็นวันเกิด วันปีใหม่ วันสำคัญทางศาสนา วันสงกรานต์ วันตรุษจีน และวันวาเลนไทน์ โดยกลุ่มคนที่ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์มากที่สุดจะเป็นกลุ่มที่มีอายุ 15-18 ปี รองลงมาคืออายุต่ำกว่า 15 ปี
นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากการสำรวจ พบว่า สถานที่ที่วัยรุ่นอาจฉลองวันวาเลนไทน์โดยการมีเพศสัมพันธ์ โดยผู้มีอายุต่ำกว่า 15 ปี จะใช้หอพักที่เช่าอยู่มากที่สุด อายุ 16-18 ปี ใช้ห้องพักรายวัน อายุ 19-22 ปี ใช้หอพักที่เช่าอยู่ และอายุ 23 ปี จนถึง 50 ปีขึ้นไปจะใช้ห้องพักรายวัน ส่วนโรงแรมม่านรูดก็ยังมีการใช้อยู่ แต่การใช้ลดลง เนื่องจากความเข้มงวดของเจ้าหน้าที่
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นจากวันวาเลนไทน์ ส่วนใหญ่เห็นว่า มีโอกาสที่คนจะติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรมากขึ้น ก่อให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เกิดการล่วงละเมิดทางเพศเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดการใช้สารเสพติดเพิ่มขึ้น และมีการมองว่าการมีคู่นอนหลายคนเป็นเรื่องธรรมดา และการทำแท้งเป็นเรื่องถูกกฎหมาย
นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เด็กและเยาวชนมีปัญหาด้านต่างๆ รุนแรงมากขึ้น ทั้งการตั้งครรภ์ก่อนแต่งงาน, การล่วงละเมิดทางเพศของคนใกล้ชิด, มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน, เด็กเร่ร่อน, การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร, เด็กติดเกม, เด็กชอบเที่ยว, การคลอดแล้วทิ้ง, โสเภณีเด็ก, พ่อ-แม่ไม่มีวุฒิภาวะในการเลี้ยงดู, เด็กกำพร้า, ขาดศีลธรรม, ยาเสพติด, การใช้แรงงานเด็ก, การขาดการศึกษา และการยกพวกตีกัน
