“กกร.” มีมติหนุนรัฐบาลไทยเจรจาเข้าร่วม TPP ชี้ประโยชน์มากกว่าเสียหากร่วมดัน GDPโต 0.77-1.06% นักลงทุนต่างจับตาหากไม่ร่วมลงทุนใหม่อาจไม่มา แนะผลกระทบบางอุตสาหกรรมต้องหามาตรการเยียวยา พร้อมเห็นชอบตั้งคณะทำงานอาเซียนฮับดันไทยเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน บริการ ใช้โมเดลฮ่องกง-สิงคโปร์เป็นตัวอย่าง
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า มีมติสนับสนุนให้รัฐบาลไทยเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ TPP เนื่องจากผลการศึกษาพบว่าสมาชิก กกร. 80-90% เห็นด้วย ส่วนบางอุตสาหกรรมที่อาจได้รับผลกระทบและมีการคัดค้าน เช่น ปศุสัตว์ พันธุ์พืช สิทธิบัตรยา ฯลฯ ก็จะต้องหารือถึงมาตรการเยียวยาโดยจะต้องมีการศึกษาในรายละเอียดเพื่อเจรจาต่อไป
“รัฐบาลสามารถเจรจาเป็นรายประเทศได้และหากมีปัญหาก็ต้องมีมาตรการเยียวยา ปัจจุบันเองกรณีการเจรจาเขตการค้าเสรี หรือ FTA กับประเทศต่างๆ รัฐได้ตั้งกองทุน FTA เข้ามาดูแลอุตสาหกรรที่ได้รับผลกระทบขณะนี้เงินก็ยังเหลืออยู่”อย่างไรก็ตามหากไทยไม่เข้าร่วม TPP จะต้องมองประโยชน์ภาพรวมที่เราจะเสียมากกว่าได้ซึ่งนักลงทุนเองก็ติดตามอยู่หากไม่เข้าร่วมอาจกระทบต่อการลงทุนใหม่ แต่การย้ายฐานหนีจากไทยคงไม่ง่ายนัก” นายสุพันธุ์กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบจัดตั้งคณะทำงานอาเซียนฮับ เพื่อศึกษาการผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และการบริการ โดยให้ต้วแทนแต่ละสถาบันส่งมาเข้าร่วมเพื่อที่จะศึกษาว่าไทยจะเป็นศูนย์กลางได้อย่างไรในการให้ 10 ประเทศในอาเซียนยอมรับไทย เช่น กรณีฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นฮับด้านการเงิน โมเดลนี้ก็จะใช้มาศึกษากับไทยด้วย โดยเรื่องดังกล่าวจะเร่งดำเนินการศึกษาโดยเร็วเพื่อให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาลปัจจุบันที่ต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุนและบริการ
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ประชุม กกร.ได้มีการเปิดเผยผลการศึกษาเบื้องต้นที่ย้ำให้เห็นว่าหากไทยเขาร่วม TPP จะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ขยายตัวได้อีก 0.77% และหากฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียเข้าร่วมด้วยแล้วจะทำให้การค้าขายเชื่อมโยงกันมากขึ้น และทำให้ GDP ของไทยโตขึ้นอีก 1.06% ดังนั้นไทยจะต้องพิจารณาผลประโยชน์และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับบางกลุ่ม
“กรณีภาคการเกษตรบางตัวจะมีผลกระทบจำเป็นจะต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างไรบ้าง และจะช่วยกันอย่างไร ทั้งนี้ กังวลว่าหากไทยไม่เข้าร่วมไทยจะเสียประโยชน์มากกว่า สำหรับภาคการเกษตรที่ได้รับผลกระทบอาจช่วยพัฒนาลักษณะโมเดิร์นฟาร์ม” นายอิสระกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการรวบรวมความคิดเห็นของกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีต่อ TPP จากสมาชิก ส.อ.ท.38 กลุ่มอุตสาหกรรมพบว่ามีจำนวน 23 กลุ่มที่เห็นด้วยในการเข้าร่วมเช่น ปิโตรเคมี สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า เหล็ก อัญมณีและเครื่องประดับ น้ำตาล ผลิตภัณฑ์ยาง หล่อโลหะ เป็นต้น ส่วนอุตสาหกรรมที่ไม่เห็นควรเข้าร่วมมี 5 กลุ่มได้แก่ พลังงานทดแทน เยื่อและกระดาษ เครื่องจักรกลและโลหการ อาหาร (ปศุสัตว์) และแกรนิตหินอ่อน ส่วน 12 กลุ่มยังไม่มีความเห็นว่าจะเข้าร่วมหรือไม่เพราะยังไม่ชัดเจนว่าจะมีผลดีหรือเสียแน่ ขณะที่สภาหอการค้าสนับสนุนโดยเฉพาะอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายดิบจะมีโอกาสขยายตลาด ส่วนข้าวหากอินโดนีเซียและฟิลิปินส์เข้าร่วมยิ่งทำให้ไทยต้องเข้าร่วมด้วย แป้งมันสำปะหลัง ไทยจะเสียเปรียบหากไม่เข้าร่วมเป็นต้น