“พาณิชย์” เผย สนช.ไฟเขียวอัปเกรดข้อตกลง FTA อาเซียน-จีน คาดสินค้าไทยกว่า 3 พันรายการส่งออกไปจีนได้เพิ่มขึ้น หลังมีการปรับปรุงเงื่อนไขถิ่นกำเนิดสินค้า เผยจีนยังเปิดตลาดบริการตัวแทนท่องเที่ยว และบริการด้านการเงินให้ไทย พร้อมร่วมมือเปิดศูนย์เบ็ดเสร็จให้บริการด้านลงทุน เตรียมให้สัตยาบัน ก่อนมีผลบังคับใช้ 1 พ.ค.นี้
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ให้ความเห็นชอบในพิธีสารเพื่อแก้ไขกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความตกลงในส่วนที่เกี่ยวข้องระหว่างอาเซียน-จีนแล้ว หลังจากที่กระทรวงฯ ได้ขอแก้ไขปรับปรุงเพื่อยกระดับความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของอาเซียน-จีน ทั้งในด้านการค้าสินค้า การค้าบริการและการลงทุน ให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพการค้าในปัจจุบัน ตามที่ผู้นำอาเซียน-จีน ได้เห็นชอบให้มีการปรับปรุงในช่วงการประชุมเมื่อช่วงปลายปี 2558 ที่มาเลเซีย
ทั้งนี้ ขั้นตอนหลังจากนี้ไทยจะดำเนินการให้สัตยาบัน และพิธีสารฉบับนี้ กำหนดให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พ.ค. 2559 หรือภายใน 60 วัน หลังจากวันที่แจ้งการให้สัตยาบัน
นางอภิรดีกล่าวว่า ในด้านการค้าสินค้าอาเซียนและจีน ได้ตกลงที่จะปรับปรุงกฎถิ่นกำเนิดสินค้า และเพิ่มเติมข้อบทด้านพิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า โดยกฎถิ่นกำเนิดสินค้ามีความยืดหยุ่นมากขึ้น เอกชนสามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อการส่งออกได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างอาเซียนกับจีนให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้นต่อไป
“การอัปเกรดข้อตกลง FTA อาเซียน-จีน จะทำให้สินค้าไทยกว่า 3,000 รายการส่งออกไปยังจีนได้มากขึ้น เพราะมีการปรับปรุงเกณฑ์การได้ถิ่นกำเนิดสินค้าที่มีความยืดหยุ่น โดยสินค้าที่จะได้ประโยชน์ เช่น กลุ่มเคมีภัณฑ์ เครื่องหนัง ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ ผ้าทอชนิดพิเศษ เครื่องนุ่งห่ม และของทำด้วยเหล็กและเหล็กกล้า เป็นต้น ซึ่งจะทำให้สินค้าไทยส่งออกไปยังจีนได้เพิ่มขึ้น” นางอภิรดีกล่าว
ส่วนในด้านการค้าบริการ อาเซียนกับจีนปรับปรุงข้อผูกพันการเปิดตลาดการค้าบริการเป็นครั้งที่ 3 โดยจีนจะเปิดตลาดให้ไทยกับอาเซียนเพิ่มขึ้นในธุรกิจบริการต่างๆ เช่น บริการตัวแทนท่องเที่ยว สาขา Travel Agency and Tour Operator และบริการด้านการเงินสาขา Securities Construction Engineering Services และ Integrated Engineering Services เป็นต้น
ขณะที่ด้านการลงทุน อาเซียนและจีนปรับปรุงเรื่องการลงทุน โดยให้เพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนระหว่างกัน และมีการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนมากขึ้น รวมทั้งให้จัดตั้งศูนย์ให้บริการด้านการลงทุนแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Investment Centre) หรือกลไกที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เพื่อให้ความช่วยเหลือและบริการให้คำปรึกษาแก่นักลงทุนอย่างครบวงจร
สำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อาเซียนและจีนปรับปรุงให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจมีความครอบคลุมในทุกมิติ และปรับปรุงขั้นตอนการอนุมัติโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้รวดเร็วมากขึ้น
