นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการครั้งที่ 22 ที่ จ.เชียงใหม่ ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางในการสนับสนุนให้อาเซียนเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบในการประกอบอาหารของโลกเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของไทยที่จะพัฒนาเป็นครัวของโลก เพราะอาเซียนมีทรัพยากรด้านอาหารที่เพียงพอและมีคุณภาพ โดยในปีหน้าจะมีการจัดงานแสดงสินค้าด้านอาหารที่จะปรับรูปแบบให้เป็นการจัดงานของอาเซียนและจะเชิญผู้ประกอบการอาหารอาเซียนมานำเสนอสินค้าของแต่ละประเทศให้กับนานาชาติได้รับทราบ เพื่อแสดงความพร้อมของอาเซียนในการเป็นครัวของโลก
ส่วนความร่วมมือในการพัฒนาผู้ประกอบการขนาดย่อยขนาดเล็ก และขนาดกลาง อาเซียนได้หารือถึงแนวทางในการผลักดันให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้นเพื่อให้สามารถเติบโตในการทำธุรกิจ พร้อมทั้งหารือถึงการลดอุปสรรคเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทข้ามประเทศในอาเซียน เพราะปัจจุบันมีปัญหาความล่าช้าในการจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศอาเซียนด้วยกัน ซึ่งหากลดอุปสรรคลงได้ จะทำให้เกิดการขยายการค้าและลงทุนเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ อาเซียนยังได้หารือถึงการจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ระหว่าง 10 ประเทศอาเซียน กับประเทศคู่เจรจา 6 ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งจะต้องสรุปผลการเจรจาภายในปี 2559 ตามที่ผู้นำอาเซียนได้ประกาศไว้ เพื่อนำไปสู่การเป็นตลาดที่ใหญ่ขึ้นด้วยประชากร 3,400 ล้านคน โดยจะมีการเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิต การค้า การลงทุนการปรับกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าให้สอดคล้องกัน
ส่วนความร่วมมือในการพัฒนาผู้ประกอบการขนาดย่อยขนาดเล็ก และขนาดกลาง อาเซียนได้หารือถึงแนวทางในการผลักดันให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้นเพื่อให้สามารถเติบโตในการทำธุรกิจ พร้อมทั้งหารือถึงการลดอุปสรรคเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทข้ามประเทศในอาเซียน เพราะปัจจุบันมีปัญหาความล่าช้าในการจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศอาเซียนด้วยกัน ซึ่งหากลดอุปสรรคลงได้ จะทำให้เกิดการขยายการค้าและลงทุนเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ อาเซียนยังได้หารือถึงการจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ระหว่าง 10 ประเทศอาเซียน กับประเทศคู่เจรจา 6 ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งจะต้องสรุปผลการเจรจาภายในปี 2559 ตามที่ผู้นำอาเซียนได้ประกาศไว้ เพื่อนำไปสู่การเป็นตลาดที่ใหญ่ขึ้นด้วยประชากร 3,400 ล้านคน โดยจะมีการเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิต การค้า การลงทุนการปรับกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าให้สอดคล้องกัน