ผู้จัดการรายวัน 360 – “อุตสาหกรรมไมซ์” จัดเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไม่น้อย ดังจะเห็นได้จากอัตราการเติบโตเฉลี่ยแต่ละปีประมาณร้อยละ 5-10 โชว์ปีงบประมาณ 58 ไทยรับตลาดไมซ์ เกินล้านคน โต 18.8% พร้อมโกยเงินเฉียดแสนล้านบาท เติบโต 17.53%
โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2558 (ตุลาคม 2557 - กันยายน 2558) ประเทศไทยให้การต้อนรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ เป็นจำนวน 1,086,229 คน เติบโตจากปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ร้อยละ 18.8 ด้านรายได้เติบโตถึงร้อยละ 17.53 คิดเป็นจำนวนรายได้ที่เข้าสู่ประเทศ 94,966 ล้านบาท
ขณะที่ เป้าหมายในปีงบประมาณ พ.ศ.2558 (ตุลาคม 2558 – กันยายน 2559) คาดว่าจะมีนักเดินทางกลุ่มไมซ์และรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 คิดเป็นจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์ 1.06 ล้านคน สร้างรายได้ 9.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นตลาดประชุมองค์กร (Meetings) 2.64 แสนคน รายได้ 27,450 ล้านบาท ตลาดการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Incentives) 2.54 แสนคน รายได้ 16,550 ล้านบาท ตลาดประชุมนานาชาติ (Conventions) 3.51 แสนคน รายได้ 32,350 ล้านบาท และตลาดแสดงสินค้านานาชาติ (Exhibitions) 1.91 แสนคน รายได้ 15,650 ล้านบาท
การเติบโตดังกล่าวจึงนับเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ไทยที่รัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมถึงระบบการคมนาคมขนส่งที่เอื้อประโยชน์ให้แก่นักเดินทางกลุ่มไมซ์ที่มายังประเทศไทย ตลอดจนการทำงานอย่างบูรณาการระหว่าง สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนเอกชนทั้งในและต่างประเทศ
*** ชูแคมเปญ “Thailand CONNECT…Our Heart, Your World”
นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” เปิดเผยว่า การดำเนินงานส่งเสริมตลาดไมซ์ของประเทศไทยปี 2559 จะมุ่งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมไมซ์ ขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ความสำเร็จเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ภายใต้แคมเปญ “Thailand CONNECT…Our Heart, Your World” ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดมาจากกลยุทธ์สื่อสารแบรนด์ในปี 2558-Thailand CONNECT the World
อีกทั้งยังคงความต่อเนื่องในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ผ่านจุดเด่นของประเทศไทยทั้ง 3 ด้าน คือ จุดหมายปลายทาง (Destination) โอกาสทางธุรกิจ (Business) และบุคลากรมืออาชีพ (People)
“ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่มีเอกลักษณ์เพราะเป็นศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมเชิงธุรกิจและเป็นศูนย์กลางธุรกิจของตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคอาเซียนและตลาดระดับโลก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางของความเจริญที่มีบุคลากรมืออาชีพซึ่งมีใจมุ่งมั่นพร้อมให้บริการในทุกรูปแบบซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญของประเทศไทยและเป็นที่มาของการสื่อสารแบรนด์ “THAILAND CONNECT” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตอกย้ำเอกลักษณ์ของประเทศไทยที่ตอบโจทย์การจัดกิจกรรมเชิงธุรกิจในระดับโลกด้วยความพร้อมของงานบริการด้านต่างๆ ที่สร้างโอกาสมากมายให้แก่นักเดินทางกลุ่มไมซ์” นายนพรัตน์ กล่าว
“ทีเส็บ” ยังได้จัดเตรียม 3 แพกเกจสุดพิเศษภายใต้แคมเปญ “Thailand CONNECT…Our Heart, Your World” เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของนักเดินทางกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย 1.Thailand CONNECT RSTA Welcome Package โดยร่วมกับ สมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) จัดทำแพกเกจเพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ที่เดินทางมาติดต่อธุรกิจในประเทศไทยซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น ส่วนลดร้านอาหารและสปาจากโรงแรมชั้นนำ 7 แห่งกว่า 35% รวมถึงส่วนลดจากร้านค้าย่อยอีกกว่า 20% โดยสิทธิประโยชน์ดังกล่าวนี้มีผลจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559
2.Thailand CONNECT Beyond the Capital “ทีเส็บ” จะให้การสนับสนุนลูกค้าองค์กรนานาชาติที่จัดการประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลนอกกรุงเทพฯ และเดินทางโดยสายการบินในประเทศกับสายการบินที่เป็นพันธมิตรสำหรับกลุ่มขนาด 100 คนขึ้นไปและพำนักในประเทศไทยอย่างน้อย 3 วัน 2 คืนจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณไม่เกิน 1 พันบาทต่อผู้เข้าร่วมประชุม 1 คน หรือสูงสุด 3 แสนบาทต่อ 1 กลุ่มการประชุม
3.CONNECT Business โปรโมชันส่งเสริมการขายสำหรับสมาพันธ์ สมาคมธุรกิจการค้า หอการค้า องค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร บริษัทจัดการเดินทางด้านไมซ์ และสื่อประเภทวารสารด้านอุตสาหกรรมจากกลุ่มประเทศอาเซียนบวก 6 และ BIMSTEC ที่เข้าชมงานด้านการแสดงสินค้านานาชาติที่จัดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งต้องมีสมาชิกกลุ่มอย่างน้อย 10 คน เข้าร่วมประชุมเจรจาจับคู่ธุรกิจอย่างน้อย 30 คู่ธุรกิจ โดยแต่ละท่านที่ร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจครบ 3 คู่ธุรกิจจะได้รับเงินรางวัล 100 เหรียญสหรัฐต่อคน และแต่ละกลุ่มจะต้องมีวันพำนักในประเทศไทยอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน
** ดึงงานเฟสติวัลเมกะอีเวนต์ระดับโลก แสดงศักยภาพไทย
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญเพื่อการสร้างความเชื่อมั่นให้อุตสาหกรรมไมซ์ไทยคือ การจัดงานเฟสติวัลระดับเมกะอีเวนท์ในประเทศไทย โดยล่าสุด “ทีเส็บ” ร่วมกับ และ Amsterdam Light Festival, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), การบินไทย, สมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA), สมาคมไฟฟ้าแสงสว่าง และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กำหนดจัดงาน “Thailand Kingdom of Light” ระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2558 - 5 มกราคม 2559 ณ บริเวณสี่แยกราชประสงค์
นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ “ทีเส็บ” กล่าวว่า จากสถิติผู้เข้าร่วมงานมหกรรมนานาชาติและเมกะอีเวนต์ในไทยปี 2558 มีจำนวน 20 ล้านคน สร้างเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจสูงถึง 2.38 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นผลจากการดำเนินงานผ่านกลยุทธ์หลักขององค์กร ทั้งการดึงงานโดยมุ่งประมูลสิทธิ์การจัดงานมหกรรมนานาชาติและเมกะอีเวนต์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกเข้ามาจัดในไทย การส่งเสริมประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในฐานะเมืองเจ้าภาพของการจัดงานมหกรรมนานาชาติและเมกะอีเวนท์ผ่านสื่อต่างประเทศ รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในระดับนานาชาติ และการพัฒนางานที่จัดขึ้นในประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล
โดยมีงานที่ประสบผลสำเร็จอย่างสูง อาทิ งาน Sustainable Brands 2015 Bangkok, งาน Bangkok Entertainment Week 2015, งาน TBEX Asia 2015 เป็นต้น
“จากความสำเร็จดังกล่าว ทีเส็บ จึงเร่งขับเคลื่อนนโยบายผลักดันให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลกในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อเดินหน้าประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการจัดงานมหกรรมนานาชาติและเมกะอีเวนท์ระดับเอเชีย โดยยังคงดำเนินการสอดคล้องกับกลยุทธ์หลักขององค์กร มีเป้าหมายเพิ่มยอดนักเดินทางต่างชาติ สร้างรายได้ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ โดยเฉพาะงานใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นปลายปีนี้คือ Thailand Kingdom of Light ซึ่งคาดว่าจะเป็นงานที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์และเพิ่มความเชื่อมั่นประเทศไทยในกลุ่มผู้จัดงานอีเวนต์ระดับโลก พร้อมทั้งพัฒนายกระดับการจัดงานมหกรรมนานาชาติในไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล”
สำหรับการจัดงาน “Thailand Kingdom of Light” ครั้งนี้ “ทีเส็บ” มีบทบาทสนับสนุนการจัดงานใน 3 ด้าน คือ 1.การสนับสนุนการจัดแสดงชิ้นงานศิลปะจากไฟฟ้าแสงสว่างโดยศิลปินนานาชาติ บนพื้นที่ International Zone โดยร่วมมือกับ Amsterdam Light Festival และเครือข่ายภาคเอกชน สมาคมฯ และมหาวิทยาลัย โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นให้กับย่านราชประสงค์ พร้อมกับยกระดับงาน Kingdom of Light ให้เป็นงานระดับนานาชาติ โดยมุ่งหวังว่าภายในอีก 3 ปีข้างหน้างานดังกล่าวจะมีการแสดงผลงานของศิลปินจากทั่วทุกมุมโลก
2.สร้างพื้นที่จัดแสดงชิ้นงานของศิลปินไทยให้มีเวทีในการนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ร่วมกับศิลปินต่างชาติ ซึ่งถือเป็นการสร้างความร่วมมือระดับประเทศ โดยทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
3.พัฒนาองค์ความรู้ด้านการออกแบบไฟฟ้าแสงสว่าง โดยการจัดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการออกแบบไฟฟ้าแสงสว่างระหว่าง Amsterdam Light Festival Foundation กับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และการบรรยายเรื่องการออกแบบไฟฟ้าแสงสว่างแก่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนลีพระจอมเกล้าธนบุรี โดย “มร.โรจิเอร์ แวน เดอร์ไฮน์” ศิลปินชื่อดังระดับโลกชาวเนเธอร์แลนด์
นอกจากพื้นที่ International Zone แล้ว กิจกรรมไฮไลท์ในงานยังประกอบด้วย การจัดแสดงไฟประดับบริเวณสะพานลอยข้ามแยกราชประสงค์ และการจัดกิจกรรมแสดงศิลปะ Lighting Design ผ่านแว่นตา 3 มิติที่ทำให้เห็นภาพเป็นแสงไฟรูปดอกไม้สำหรับบูชาเทพต่างๆ ณ บริเวณศาล 7 เทพย่านราชประสงค์ “งาน Thailand Kingdom of Light จะเป็นการเนรมิตอาณาจักรแสงไฟกว่าล้านดวงให้สว่างไสวงดงามทั่วย่านราชประสงค์แบบ 360 องศา ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2.2 แสนตารางเมตร ซึ่งตลอดการจัดงานนี้คาดว่าจะมีนักเดินทางเข้ามาในย่านราชประสงค์เพิ่มขึ้น 40% จากกว่า 6 หมื่นคนต่อวันจากช่วงเวลาปกติ ซึ่งถือเป็นการแสดงความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมนานาชาติและเมกะอีเวนท์ระดับนานาชาติ
นางศุภวรรณ กล่าวว่า การจัดงานอุตสาหกรรมไมซ์และเมกะอีเวนต์ต่างๆ เหล่านี้ ไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อประเทศด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมให้เกิดการถ่ายทอดความรู้ทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจและการแข่งขันในอนาคต อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่ “ทีเส็บ” ให้ความสำคัญควบคู่กับการส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ไทยมาโดยตลอดด้วย