บางจากทุ่มเงิน 3 พันล้านบาทลงทุนธุรกิจค้าปลีกน้ำมันปี 59 เล็งเปิดปั๊มใหม่เพิ่มอีก 60 แห่ง พร้อมรุกธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน หลังคาด 5 ปีข้างหน้าความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวจากโครงการรถไฟฟ้า ส่วนธุรกิจ E&P ยอมรับเริ่มขาดทุนหลังน้ำมันดิบวูบเหลือ 32 เหรียญสหรัฐ แต่ทั้งปีเชื่อ EBITDA ยังเป็นบวก
นายพงษ์ชัย ชัยจิรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (BCP) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทกำหนดงบลงทุนธุรกิจค้าปลีกน้ำมันไว้ที่ 3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนทั้งธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (non-oil) เพื่อรองรับตลาดน้ำมันที่มีการแข่งขันสูง โดยในปีหน้าบริษัทวางเป้าหมายจะเปิดสถานีบริการน้ำมันใหม่อีก 60 แห่ง จากปีนี้ที่เปิดใหม่เกือบ 40 แห่ง ซึ่งเป็นไปตามแผนที่จะมีสถานีบริการน้ำมันขนาดมาตรฐานครบ 700 แห่งภายในปี 2563 จากจำนวนสถานีบริการทั้งหมดที่คาดจะมีราว 1.2-1.3 พันแห่งทั่วประเทศ โดยจะใช้เงินลงทุนตามแผนดังกล่าวในช่วง 4 ปีข้างหน้านี้ราว 1 หมื่นล้านบาท
ปัจจุบันบางจากมีสถานีบริการทั้งสิ้น 1,060 แห่ง ในส่วนนี้เป็นสถานีบริการน้ำมันมาตรฐาน 450-460 แห่ง ส่วนที่เหลือเป็นสถานีบริการน้ำมันสหกรณ์และชุมชน
นายพงษ์ชัยกล่าวต่อไปว่า บริษัทหันมารุกตลาดธุกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน หลังจากประเมินว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าความต้องการใช้น้ำมันอาจเปลี่ยนแปลงไปหลังจากมีโครงการรถไฟฟ้าหลายสายและมีการใช้รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทำให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลงได้
โดยวางเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันจากปัจจุบัน 10% เพิ่มเป็น 30% และธุรกิจน้ำมันลดลงมาที่ 70% จากปัจจุบันอยู่ที่ 90%
นายพงษ์ชัยกล่าวต่อไปว่า ความต้องการใช้น้ำมันในปีหน้าคาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากปีนี้ที่คาดเติบโตราว 6% ซึ่งเป็นผลจากระดับราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ โดยพบว่าน้ำมันเบนซินเติบโตมากราว 13-14% ส่วนการใช้น้ำมันดีเซลขยายตัวเพียง 6-7%
ส่วนเป้าหมายที่จะขายน้ำมันจากโรงกลั่นผ่านช่องทางการจำหน่ายของบริษัททั้งหมดภายในปี 2563 เนื่องจากมีมาร์จิ้นที่ดี ซึ่งบริษัทยังคงเป้าหมายการขายน้ำมันจากโรงกลั่นบางจากผ่านช่องทางการจำหน่ายของบริษัทแม้ว่าจะมีการเพิ่มกำลังการกลั่นจาก 1.2 แสนบาร์เรล/วัน เป็น 1.4 แสนบาร์เรล/วันก็ตาม เนื่องจากได้มีการขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นในแต่ละปี ส่วนการขยายสถานีบริการน้ำมันในประเทศเพื่อนบ้าน พบว่ามีข้อจำกัดของแต่ละประเทศ เช่น กัมพูชายังมียอดการใช้ไม่มากนัก และพม่าก็ยังไม่ได้เปิดให้ต่างชาติเข้าไปลงทุนเต็มที่ โดยปัจจุบันบางจากฯ มีสถานีบริการน้ำมันในต่างประเทศเพียง 2 แห่งในพม่า และปีหน้าจะเพิ่มอีก 2-3 แห่ง
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ หากไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันก็เชื่อว่าจะมีผลประกอบการในระดับที่ดี และน่าจะทำ EBITDA ได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากมาร์จิ้นโรงกลั่นและการตลาดอยู่ในระดับที่ดี แต่เมื่อพิจารณาผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันก็คาดว่าปีนี้จะมีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันในระดับต่ำกว่าปีที่แล้วแม้ราคาน้ำมันดิบจะลงมาระดับต่ำที่กว่า 32 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ด้านนายโชคชัย อัศวรังสฤษฏ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจการตลาดและคลังน้ำมัน บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) โดยผ่าน Nido Petroleum Limited (Nido) นั้น ขณะนี้แม้จะไม่สามารถทำกำไรได้ แต่ก็คาดว่าทั้งปีนี้จะยังมี EBITDA เป็นบวก และยังคุ้มกับการผลิตน้ำมัน โดยปัจจุบัน Nido มีต้นทุนการผลิตน้ำมันดิบราว 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับลดลงมาในระดับ 32 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในขณะนี้ยังเป็นช่วงระยะสั้น แต่หากมีปัจจัยที่ยืนยันได้ว่าราคาน้ำมันดิบจะยืนในระดับต่ำอย่างนี้อีกนานก็อาจพิจารณาทำให้ Nido หยุดการผลิตด้วยเช่นกัน ส่วนจะต้องมีการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์เพิ่มเติมหรือไม่นั้นคงต้องพิจารณาในช่วงสิ้นปีนี้อีกครั้ง แม้ในปีที่ผ่านมา Nido ได้มีการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ไปบ้างแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังแสวงหาโอกาสการลงทุนธุรกิจ E&P ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยคาดว่ามูลค่าซื้อโดยทั่วไปควรจะอยู่ในระดับ 100-200 ล้านเหรียญสหรัฐ
บางจากฯ สนับสนุนนำข้าวกล้องอินทรีย์จากเครือข่ายโรงเรียนชาวนาพุทธเศรษฐศาสตร์มามอบให้ผู้ใช้น้ำมันต่อเนื่องเป็นปีที่สอง โดยผู้เติมน้ำมันครบ 600 บาทจะได้รับฟรี “ข้าวกล้องอินทรีย์ มีดี 3 ต่อ” ขนาด 150 กรัม 1 ซอง ที่สถานีบริการน้ำมันบางจากฯ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 2558-10 ม.ค. 2559