“พาณิชย์” ขอความร่วมมือสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยซื้อข้าวหอมมะลิเพิ่มอีก 1 แสนตัน เก็บสต๊อกไว้ 3 เดือน เพื่อช่วยดึงราคาข้าวในตลาดให้สูงขึ้น ฟันแล้วพวกหัวหมอปลอมปนข้าวใน 4 จังหวัดภาคอีสาน ขู่อย่าให้เจอใครทำอีก เจอเล่นงานหนักแน่ ทั้งปรับทั้งคุก ด้านผู้ส่งออกยอมเฉือนเนื้อช่วย หลังรอบแรกขาดทุนยับไปแล้ว
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยได้รับปากที่จะเพิ่มปริมาณรับซื้อข้าวหอมมะลิไทยอีก 1 แสนตัน จากเดิมที่รับซื้อไปแล้ว 1 แสนตัน รวมเป็นปริมาณ 2 แสนตัน เพื่อนำมาเก็บสต๊อกเป็นระยะเวลา 3 เดือน หรือตั้งแต่ ม.ค.-มี.ค. 2559 ตามมาตรการดูแลราคาข้าวหอมมะลินาปี ฤดูกาลผลิตปี 2558/59 เพื่อดูดซับผลผลิตข้าวหอมมะลิใหม่ในช่วงต้นฤดูกาลผลิตเพื่อช่วยผลักดันราคาให้สูงขึ้น โดยราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ (ข้าวแห้ง) ในตลาดขณะนี้อยู่ที่ตันละ 1.3-1.35 หมื่นบาท และข้าวสารราคาอยู่ที่ตันละ 2.6 หมื่นบาท ส่วนราคาบางพื้นที่ที่ปรับตัวลดลงขึ้นอยู่กับคุณภาพและความชื้น
สำหรับการรับจำนำข้าวหอมมะลิที่ยุ้งฉาง ได้รับรายงานว่าชาวนาเริ่มมีการนำข้าวเปลือกมาเข้าโครงการมากขึ้น โดยสาเหตุที่ตอนเริ่มโครงการมีชาวนานำข้าวเปลือกเข้าร่วมโครงการน้อยเพราะชาวนายังไม่ค่อยรับรู้ เนื่องจากการประชาสัมพันธ์ที่ยังไม่ทั่วถึง
ส่วนความคืบหน้าการประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลเพื่อเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม ปริมาณ 3.74 หมื่นตัน ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยคณะทำงานพิจารณาการระบายข้าว กำลังรวบรวมข้อมูล หลักเกณฑ์ และราคาที่เอกชนเสนอราคามา เพื่อเสนอต่อประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาว่าจะอนุมัติขายหรือไม่
นางอภิรดีกล่าวว่า การตรวจสอบการปลอมปนข้าวหอมมะลิในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาจำหน่ายข้าวเปลือกหอมมะลิ กระทรวงฯ ได้ออกประกาศแจ้งเตือนไปยังผู้เกี่ยวข้องในการซื้อขายข้าวเปลือกให้รับทราบและถือปฏิบัติแล้ว โดยขอให้ผู้ที่มีพฤติกรรมปลอมปนข้าวหยุดการกระทำดังกล่าว หากตรวจพบจะมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับในกรณีความผิดฐานปลอมปนสินค้าและการฉ้อโกง
ทั้งนี้ การตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่ามีการปลอมปนข้าวเปลือกหอมมะลิในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จ.สุรินทร์ จ.อุบลราชธานี จ.ศรีสะเกษ และ จ.นครราชสีมา ขณะนี้ได้ขยายผลการดำเนินการตามกฎหมายแล้ว โดยใน 2 จังหวัด ได้แก่ จ.สุรินทร์ พนักงานสอบสวน สภ.ศีขรภูมิ ได้ดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย โดยพฤติการณ์คือ ผู้ต้องหาทั้ง 4 รายได้นำข้าวเปลือกมะลิเตี้ย หรือพันธุ์ ซี 3 (แหล่งเพาะปลูกในจังหวัดเพชรบูรณ์) จำนวน 4 คันรถกระบะ ไปขายให้สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.สุรินทร์ สาขา อ.ศีขรภูมิ โดยหลอกลวงว่าเป็นข้าวหอมมะลิพันธุ์ กข.15 เพื่อให้ได้ราคาขายที่สูงกว่าข้าวเปลือกมะลิเตี้ย เป็นต้น
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า สมาชิกสมาคมฯ จะเข้าไปรับซื้อข้าวสารหอมมะลิจากโรงสีเพิ่มอีก 1 แสนตัน หรือแสนตันที่ 2 จากที่มีการรับซื้อข้าวสารหอมมะลิแสนตันแรกจนครบแล้ว เพื่อนำมาเก็บไว้ในสต๊อกเป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยการเข้าซื้อข้าวสารหอมมะลิแสนตันที่ 2 จะใช้งบประมาณลดลงเหลือแค่ 2,400 ล้านบาท จากแสนตันแรกที่ใช้งบ 2,600 ล้านบาท เนื่องจากการซื้อข้าวแสนตันที่ 2 จะซื้อในราคาตลาด แตกต่างจากการซื้อข้าวแสนตันแรกที่ซื้อในราคา 2.6 หมื่นบาท ซึ่งราคาข้าวสารหอมมะลิในตลาดขณะนี้อยู่ที่ประมาณตันละ 2.45-2.5 หมื่นบาท ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิมีตั้งแต่ตันละ 1.1-1.4 หมื่นบาท ขึ้นอยู่กับพื้นที่
“การซื้อข้าวแสนตันแรกมาเก็บไว้ผู้ส่งออกขาดทุนหนัก เพราะราคาข้าวสารที่โรงสีไปซื้อในตลาดต่ำกว่าราคาเข้าซื้อของผู้ส่งออกที่ 2.6 หมื่นบาท รอบสองนี้จึงต้องซื้อในราคาตลาด เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ โดยเป้าหมายของการซื้อข้าวรอบสองเพื่อพยุงราคาไม่ให้ต่ำไปกว่านี้ ส่วนการซื้อข้าวรอบแรกที่ไม่สามารถดึงราคาได้ เพราะมีข้าวเข้าโครงการรับจำนำยุ้งฉางน้อย จึงไม่สามารถดูดซับปริมาณส่วนเกินในตลาดได้” ร.ต.ท.เจริญกล่าว