คณะบุคคลนำทีมโดย ประสงค์ สุ่นศิริ ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รสนา โตสิตระกูล พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระและสื่อมวลชน ฯลฯ ลงนามจดหมายเปิดผนึกเตรียมยื่นบิ๊กตู่วันพรุ่งนี้ (8 ธ.ค.) ให้ยุติการนำร่างแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมฉบับกระทรวงพลังงานเข้าสู่การพิจารณาใน ครม.
น.อ.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีต รมว.กระทรวงต่างประเทศ เปิดเผยว่า คณะบุคคลได้ร่วมลงนามจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีการมอบให้ตัวแทนไปยื่นที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 8 ธ.ค. เวลา 9.00 น. เพื่อขอให้รัฐบาลยุติการนำร่างแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ. ... และ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ที่เสนอโดยกระทรวงพลังงานเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ และขอให้ตั้งคณะทำงานยกร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. ... ตามผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
“พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2514 ที่ผ่านมาซึ่งใช้มานานเราเองได้พยายามชี้แจงมานานมากหลายครั้งแล้ว และเราเองก็คัดค้าน และทำให้รัฐบาลได้เลื่อนพิจารณาการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 มีทีท่ารับฟังจากภาคประชาชน และก็เสนอหลักการแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียมฯ ซึ่งก็คิดว่าความร่วมมือระหว่างรัฐกับราชการจะดีขึ้น แต่อยู่ๆ กระทรวงพลังงานก็เสนอร่างของตนเองสู่ ครม.ซึ่งไม่ได้แก้ไขหลักการแต่อย่างใด และไม่ได้นำเอาข้อคิดเห็นจากภาคประชาชนไปเกี่ยวข้องเลย” น.อ.ต.ประสงค์ กล่าว
ทั้งนี้ หากท่านนายกรัฐมนตรีต้องการความปรองดองให้เกิดขึ้น เนื่องจากปัญหากฎหมายปิโตรเลียม 2 ฉบับเป็นความขัดแย้งระหว่างภาคประชาชนกับกลุ่มคนบางพวก จึงเสนอให้นายกฯ เปิดเวทีสาธารณะ เช่น หอประชุมกองทัพบกเพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่าย คือ ภาคประชาชน และกระทรวงพลังงานมาพบกัน และเปิดให้ประชาชนรับฟังเพื่อตัดสินใจ หากนายกฯ ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ส่วนรวมได้ท่านก็จะเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่เริ่มต้นจากการเป็นผู้รู้จักฟัง แต่หากยื่นจดหมายไปแล้วแต่ยังคงเดินหน้าอย่างเดียวก็ขอบอกว่า อย่าดูถูกประชาชน และอย่าประมาทต่อใจของคน
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า คณะบุคคลได้ลงนามเพื่อที่จะยื่นนายกฯ เพราะทราบว่ าครม.วันที่ 8 ธ.ค.จะมีการพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ฉบับกระทรวงพลังงาน ซึ่งหากเป็นจริงก็เท่ากับขัดหลักการของรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ต้องการให้เกิดความโปร่งใส เพราะร่างที่กระทรวงพลังงานเสนอยังไม่มีการตกผลึกความเห็นจากทุกฝ่าย และยังเป็นการรอนสิทธิรัฐบาลในอนาคต เพราะกติกาที่เสนอให้ใช้ระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) ไม่ได้ระบุการจัดตั้งบรรษัทปิโตรเลียมแห่งชาติ ทำหน้าที่บริหารปิโตรเลียมจึงเท่ากับยกให้เอกชนทันที
น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ กล่าวว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ.กระทรวงพลังงาน เป็นการเน้นผลประโยชน์ให้แก่กลุ่มทุนผูกขาดพลังงานเป็นหลัก เพราะร่างแก้ไขฯ กำหนดให้ได้รับสิทธิสำรวจและสัมปทานเมื่อสำรวจพบรวมระยะเวลา 39 ปีรวดเดียว หากมีข้อพิพาทจะใช้ระบบอนุญาโตตุลาการ ฯลฯ ดังนั้น ส่วนตัวต้องการให้ทำประชามติว่าประชาชนจะรับร่างแก้ไขกฎหมายฉบับใด ระหว่างของกรรมาธิการวิสามัญศึกษา สนช. หรือของกระทรวงพลังงาน ซึ่งมีสาระหลักคือ การยกปิโตรเลียมให้ประเทศเป็นเจ้าของ หรือเอกชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะบุคคลที่ลงนามในจดหมายเปิดผนึกที่สำคัญ เช่น น.อ.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีต รมว.ต่างประเทศ นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร นายธีระชัย ภูวนาถ นรานุบาล อดีต รมว.คลัง น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ นายนพ สัตยาศัย ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ กรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สนช. พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตสมาชิก สนช. ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยนโยบายพลังงานและทรัพยากร มหาวิทยาลัยรังสิต นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระและสื่อมวลชน ฯลฯ
