วานนี้ (25 พ.ย.)ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ กพร. ตัวแทนเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย(คปพ.)นำโดย มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่อง ขอให้นายกรัฐมนตรี ทบทวนการแก้ไขกฎหมายปิโตรเลียม ที่ยังไม่ตอบข้อสงสัยของภาคประชาชน และหยุดการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 จำนวน 29 แปลง และสั่งการให้ รมว.พลังงาน มิให้นำข้อมูลที่เป็นเท็จเสนอต่อที่ประชุมครม. และเปิดโอกาสให้เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) ได้เข้าพบ เพื่อนำเสนอและให้ความเห็นการปฏิรูปพลังงานโดยตรง ก่อนที่จะนำเสนอร่างแก้ไข เพิ่มเติม พ.ร.บ.ปิโตรเลียม (ฉบับที่..) พ.ศ.... และร่าง พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่..) พ.ศ. เสนอโดยกระทรวงพลังงาน เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
ทั้งนี้ จากกรณี พล.อ. อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน ได้ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ที่ผ่านมา ครม. สั่งให้ไปหารือกับ สนช. ว่าควรจะแก้ไขกฎหมายอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมา สนช. ส่งตัวแทน ส่งที่ปรึกษาซึ่งบางท่านอยู่ใน คปพ. มาประชุมร่วม และเห็นว่าไม่ต้องแก้ไขกฎหมายเพิ่มอีก จากที่กระทรวงฯเสนอไป แต่หากต้องปรับระเบียบอะไร ก็ให้ออกประกาศโดยคณะกรรมการปิโตรเลียมได้
จากคำสัมภาษณ์ดังกล่าว คปพ. มีความเห็นว่า มีข้อความที่เป็นเท็จ ที่อ้างว่า ผลการหารือกับผู้แทนกรรมาธิการวิสามัญฯ สนช. รวมถึงผู้แทนเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย ต่างเห็นด้วยกับกฎหมายปิโตรเลียมทั้ง 2 ฉบับ ที่เสนอโดยกระทรวงพลังงานนั้น เป็นความเท็จอย่างสิ้นเชิง และหากนำผลของการประชุมอันเป็นเท็จมาใช้ในการอ้างอิง เพื่อสร้างความชอบธรรม หรือขอความเห็นชอบโดยรมว.พลังงาน นายกรัฐมนตรี หรือ ครม. ก็จะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายในการใช้ข้อมูลเท็จดังกล่าวด้วย จึงขอให้นายกรัฐมนตรี พิจารณาให้ความเห็นชอบดังนี้
1. สั่งการให้หยุดร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ปิโตรเลียม (ฉบับที่..) พ.ศ.... และ ร่าง พ.ร.บ. ภาษีเงินได้ (ฉบับที่..) พ.ศ.... ของกระทรวงพลังงาน ที่ยังไม่ตอบข้อสงสัยของภาคประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังไม่ได้มีการแก้ไขกฎหมายให้ครบถ้วน ตามรายงานผลการศึกษาของ กมธ.วิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 และ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ของ สนช.
2. ให้หยุดการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ในครั้งเดียว จำนวน 29 แปลง เพราะมีจำนวนมากเกินไป ไม่ก่อให้เกิดการแข่งขัน
3. สั่งการ หรือ มีนโยบายรมว.พลังงาน เปิดโอกาสให้ คปพ. ได้เข้าพบ เพื่อนำเสนอ และให้ความเห็นการปฏิรูปพลังงานโดยตรง ก่อนที่จะนำเสนอร่างแก้ไข เพิ่มเติม พ.ร.บ.ปิโตรเลียม (ฉบับที่..) พ.ศ.... และ ร่าง พ.ร.บ. ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่..) พ.ศ.... ของกระทรวงพลังงาน ก่อนเสนอเข้าสู่การพิจารณาของครม.อีกครั้ง เพื่อป้องกันการตัดตอน บิดเบือนข้อมูล ดังที่เกิดมาแล้วหลายครั้ง
ทั้งนี้ จากกรณี พล.อ. อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน ได้ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ที่ผ่านมา ครม. สั่งให้ไปหารือกับ สนช. ว่าควรจะแก้ไขกฎหมายอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมา สนช. ส่งตัวแทน ส่งที่ปรึกษาซึ่งบางท่านอยู่ใน คปพ. มาประชุมร่วม และเห็นว่าไม่ต้องแก้ไขกฎหมายเพิ่มอีก จากที่กระทรวงฯเสนอไป แต่หากต้องปรับระเบียบอะไร ก็ให้ออกประกาศโดยคณะกรรมการปิโตรเลียมได้
จากคำสัมภาษณ์ดังกล่าว คปพ. มีความเห็นว่า มีข้อความที่เป็นเท็จ ที่อ้างว่า ผลการหารือกับผู้แทนกรรมาธิการวิสามัญฯ สนช. รวมถึงผู้แทนเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย ต่างเห็นด้วยกับกฎหมายปิโตรเลียมทั้ง 2 ฉบับ ที่เสนอโดยกระทรวงพลังงานนั้น เป็นความเท็จอย่างสิ้นเชิง และหากนำผลของการประชุมอันเป็นเท็จมาใช้ในการอ้างอิง เพื่อสร้างความชอบธรรม หรือขอความเห็นชอบโดยรมว.พลังงาน นายกรัฐมนตรี หรือ ครม. ก็จะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายในการใช้ข้อมูลเท็จดังกล่าวด้วย จึงขอให้นายกรัฐมนตรี พิจารณาให้ความเห็นชอบดังนี้
1. สั่งการให้หยุดร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ปิโตรเลียม (ฉบับที่..) พ.ศ.... และ ร่าง พ.ร.บ. ภาษีเงินได้ (ฉบับที่..) พ.ศ.... ของกระทรวงพลังงาน ที่ยังไม่ตอบข้อสงสัยของภาคประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังไม่ได้มีการแก้ไขกฎหมายให้ครบถ้วน ตามรายงานผลการศึกษาของ กมธ.วิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 และ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ของ สนช.
2. ให้หยุดการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ในครั้งเดียว จำนวน 29 แปลง เพราะมีจำนวนมากเกินไป ไม่ก่อให้เกิดการแข่งขัน
3. สั่งการ หรือ มีนโยบายรมว.พลังงาน เปิดโอกาสให้ คปพ. ได้เข้าพบ เพื่อนำเสนอ และให้ความเห็นการปฏิรูปพลังงานโดยตรง ก่อนที่จะนำเสนอร่างแก้ไข เพิ่มเติม พ.ร.บ.ปิโตรเลียม (ฉบับที่..) พ.ศ.... และ ร่าง พ.ร.บ. ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่..) พ.ศ.... ของกระทรวงพลังงาน ก่อนเสนอเข้าสู่การพิจารณาของครม.อีกครั้ง เพื่อป้องกันการตัดตอน บิดเบือนข้อมูล ดังที่เกิดมาแล้วหลายครั้ง