“พาณิชย์” ขอบคุณ “ฮ่องกง” ช่วยแก้ปัญหาการปลอมปนข้าวไทย พร้อมขอให้นำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น รวมถึงผลไม้ เรียกร้องปรับระบบตรวจสอบการนำเข้าทุเรียน และเลิกแบนการใช้ขมิ้นชุบ เผยยังได้ขออินโดนีเซียทบทวนระเบียบการนำเข้าพืชสวน หลังกระทบส่งออกทุเรียน ลำไย และหอมแดงไทย
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือทวิภาคีกับ Mr. Gregory So รัฐมนตรีการค้าและการพัฒนาเศรษฐกิจของฮ่องกง ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเอเปก ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ โดยไทยได้ขอบคุณรัฐบาลฮ่องกงที่ช่วยดูแล ควบคุม และแก้ไขปัญหาการปลอมปนข้าวไทยในตลาดฮ่องกงอย่างจริงจัง ทำให้ปัจจุบันปัญหาการปลอมปนข้าวลดน้อยลงมาก และไทยยังได้ขอให้ฮ่องกงสนับสนุนการนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น รวมทั้งสินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น ผลไม้ เป็นต้น
ทั้งนี้ ไทยยังได้เรียกร้องให้ฮ่องกงเร่งแก้ไขปัญหาการส่งออกทุเรียนของไทย โดยเฉพาะวิธีการที่ฮ่องกงตรวจสารเร่งสุกด้วยการบดผลไม้ทั้งลูกแล้ววัดปริมาณสารตกค้าง ซึ่งไทยเห็นว่าเป็นการไม่ยุติธรรมต่อทุเรียนไทยที่มีสัดส่วนเปลือกมากกว่าผลไม้อื่น อีกทั้งฮ่องกงยังมีข้อบังคับไม่ให้นำเข้าผลไม้สดที่มีการชุบสารขมิ้นอีกด้วย ซึ่งไทยชี้แจงว่าสารขมิ้นเป็นสมุนไพรที่คนไทยนิยมนำมาประกอบอาหารและไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ขณะที่ฮ่องกงรับที่จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
“ได้เชิญฮ่องกงเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่รัฐบาลให้การสนับสนุน และยังสามารถใช้ประโยชน์จากเส้นทางรถยนต์ที่เชื่อมต่อไปยังอินเดีย และเส้นทางรถไฟเชื่อมจากจีนตอนใต้ไปยังภูมิภาคอาเซียนที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการลงทุน ซึ่งฮ่องกงแสดงความสนใจอย่างมาก เพราะสามารถเชื่อมกับโครงการ one belt one road ของจีนได้ ทำให้เกิดเป็นช่องทางในการขนส่งสินค้าและทำธุรกิจในอนาคต”
สำหรับการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง รัฐมนตรีฮ่องกงขอให้ไทยในฐานะผู้ประสานงานฝ่ายอาเซียนสนับสนุนการเจรจาและผลักดันการเจรจาให้สามารถสรุปผลได้ภายในปี 2559 ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
นางอภิรดีกล่าวอีกว่า ไทยยังได้หารือกับ Mr. Thomas Lembong รัฐมนตรีกระทรวงการค้าอินโดนีเซีย โดยได้ขอบคุณรัฐบาลอินโดนีเซียที่สนับสนุนการนำเข้าข้าวจากไทยมาโดยตลอด และขอให้มีการนำเข้าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้ขอให้อินโดนีเซียทบทวนกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าพืชสวน เพราะการกำหนดให้ต้องขอรับคำรับรองการนำเข้าและต้องได้ใบอนุญาตนำเข้าจากกระทรวงการค้า หลังจากที่ได้คำรับรองการนำเข้าจากกระทรวงเกษตรแล้ว ซึ่งไทยเห็นว่าเป็นการจำกัดปริมาณการส่งออกของสินค้าพืชสวนของไทยไปอินโดนีเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุเรียน ลำไย และหอมแดง พร้อมกับขอให้พิจารณารับรองแหล่งเพาะปลูกหอมแดงของไทยทั้งประเทศ นอกจากจังหวัดศรีสะเกษที่ได้รับการรับรองเป็นพื้นที่ปลอดศัตรูพืชแล้ว
“ไทยยังได้ขอให้อินโดนีเซียร่วมมือกับไทยผลักดันให้สมาชิกอาเซียนให้มีท่าทีร่วมกัน และสามารถบรรลุผลการเจรจาเปิดเสรีกรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ให้ได้ภายในปี 2559 เพราะขณะนี้อินโดนีเซียแสดงความกังวลเกี่ยวกับการเปิดตลาดเพิ่มเติมให้กับจีน เพราะปัจจุบันขาดดุลการค้ากับจีนสูงมาก” นางอภิรดีกล่าว