ศูนย์ข่าวศรีราชา - ททท.พัทยา แจงสถานการณ์ท่องเที่ยวรอบ 7 เดือนแรกภาพรวมทั้งประเทศ พบยอดนักเที่ยวยังเพิ่มต่อเนื่อง มีเพียงตลาดรัสเซียที่ลดลงกว่า 50% รวมทั้งตลาดหลักอย่างฮ่องกง ไต้หวัน ที่โดนประกาศเตือนภัยหลังระเบิดแยกราชประสงค์ เตรียมเปิดเกมรุกตลาดก่อนเข้า Hi-Season ชูขายอู่ตะเภา สนามบินพาณิชย์แห่งที่ 3
วันนี้ (9 ก.ย.) ที่ห้องประชุมโรงแรมแกรนด์ โซเล่ พัทยา จ.ชลบุรี นายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เป็นประธานประชุมสมาคมเดือนกันยายน 2558 โดยมีตัวแทนหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และสื่อมวลชเข้าร่วม ซึ่ง น.ส.สุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา ได้เข้าชี้แจงถึงสถานการณ์ภาพรวมด้านการท่องเที่ยวของประเทศในช่วง 7 เดือนแรกของปี พร้อมแผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด และแนวทางการกระตุ้นการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาว่า สำหรับในภาพรวมของประเทศ ปริมาณของนักท่องเที่ยวลดลงกว่าที่คาดการณ์ประมาณ 1-1.3 ล้านคน
ส่งผลให้รายได้ลดลงกว่า 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งมาจากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์ความมั่นคงในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มตลาดหลักอย่างรัสเซีย ที่มีสัดส่วนลดลงกว่า 50% หรือเหลือนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 5 แสนคนเท่านั้น ขณะที่ตลาดอื่นๆ พบว่ามีการประกาศเตือนจากปัญหาความรุนแรงในประเทศ ทำให้ยอดการเดินทางหายไป เนื่องจากมีความอ่อนไหวอย่างมาก อย่างตลาดฮ่องกง ไต้หวัน และสโลวัก แต่ก็คาดว่าปัญหาจะคลี่คลายไปได้และการท่องเที่ยวน่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วง Hi-season ที่จะถึงนี้
น.ส.สุลัดดา กล่าวว่า สำหรับเมืองพัทยานั้นพบว่า นักท่องเที่ยวในกลุ่มตลาดรัสเซียมีตัวเลขที่หดหายไปอย่างมาก ซึ่งนอกจากจะเป็นเรื่องภาวะเศรษฐกิจในประเทศแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องการโยกย้ายพื้นที่ท่องเที่ยวใหม่ โดยจะเห็นได้จากการเช่าเหมาลำเครื่องบินของตลาดกลุ่มนี้กว่า 740 เที่ยวบินไปลงจอดที่ภูเก็ต และอีกนับร้อยเที่ยวบินที่มุ่งตรงสู่ กทม. ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีน แม้ว่าในภาพรวมของประเทศจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึง 112% แต่การเดินทางสู่เมืองพัทยามีอัตราลดลง ไม่เหมือนตลาดอินเดีย ที่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นประมาณ 19% เวียดนามเพิ่มขึ้น 4.8% และบังกลาเทศที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
จากปัจจัยเหล่านี้ปัจจุบันทาง ททท.ได้หารือร่วมกับองค์กรภาครัฐ และเอกชน เพื่อหาแนวทางในการดึงกลุ่มตลาดเหล่านี้เข้าสู่เมืองพัทยาให้เพิ่มมากขึ้น โดยในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้จะมีการเข้าร่วมงานกิจกรรมส่งเสริมการตลาด หรือ Leisure ที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย การร่วมงาน ITE และ Road show ที่เมืองโฮจิมินต์ ประเทศเวียดนาม หรือการเป็นตัวแทนของประเทศไทย ในการจัดบูทในงาน China Asian Expo ที่เมืองหนานหนิง ประเทศจีน โดยจะไปนำเสนอแผนโปรโมตการท่องเที่ยว รวมทั้งนำกรณีของสนามบินอู่ตะเภา ที่ภาครัฐมีแผนการพัฒนาให้เป็นสนามบินพาณิชย์ของประเทศแห่งที่ 3 รวมทั้งแผนการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน และการคมนาคมไปนำเสนอ ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดี โดยเฉพาะกรณีของสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งกำลังได้รับความสนใจอย่างมาก
โดยล่าสุด สายการบินพาณิชย์หลักอย่างแอร์เอเชีย ได้มาเปิดเส้นทางบินใหม่จากอู่ตะภาไปยังเมืองหนานหนิง และหนานชาง ในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ ซึ่งก็จะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นการเดินทางด้วย ส่วนแผนในระยะยาวก็ยังมีแนวทางการจัดกิจกรรม Mega Fam Trip เพื่อดึงกลุ่มเอเยนซี บริษัทนำเที่ยว และสื่อจากตลาดยุโรปตะวันออก มาร่วมสังเกตการณ์พร้อมการสำรวจพื้นที่สนามบินอู่ตะเภา เพื่อสร้างความประทับใจ และความมั่นใจถึงศักยภาพการรองรับการเดินทาง ซึ่งจะก่อให้เกิดผลต่อการตัดสินใจด้านการท่องเที่ยวในอนาคตของตลาดคุณภาพใหม่ๆ
ด้าน นายชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอบางละมุง ชี้แจงมาตรการรักษาความปลอดภัยหลัง จากเหตุการณ์แยกราชประสงค์ ว่า อำเภอได้คุมเข้มความปลอดภัยอย่างมาก เพราะพัทยาถือเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญ โดยที่ผ่านมา ได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอาสาสมัครให้ดำเนินการเฝ้าระวังพื้นที่อย่างเข้มข้น
ตลอดจนได้เรียกประชุมผู้ประกอบการดูแลเอาใจใส่พื้นที่ และคอยเป็นหูเป็นตาให้แก่เจ้าหน้าที่เพื่อสังเกตสิ่งผิดปกติ รวมถึงขอความร่วมมือในการจัดทำกล้อง CCTV ในผู้ประกอบการร้านทอง ร้านสะดวกซื้อ และสถาบันการเงินต่างๆ ให้ใช้กล้องคุณภาพสูง เพื่อร่วมกันสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนต่อไปด้วย