หุ้นปิดบวก 11.72 จุด ดัชนียืนในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน โดยพบว่ามีแรงซื้อกลับในกลุ่มแบงก์มากขึ้น และการ take profit ในกลุ่มอสังหาฯ แม้จะมองว่ามติ กนง. คงดอกเบี้ย จะไม่มีผลต่อตลาดฯ มากนัก เพราะเป็นไปตามที่คาดไว้ ระบุ เป็นเพราะสภาพคล่องในประเทศ ส่วนการเข้าซื้อของต่างชาติน่าจะอีก 1-2 เดือนข้างหน้า โดยเริ่มมีมุมมองที่ดีขึ้น เชื่อผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ชี้ กำไรของ SET โดดเด่นสุดในอีก 3 เดือนข้างหน้าเมื่อเทียบกับตลาดอื่น
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (10 มิ.ย.) ดัชนีหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,504.04 จุด เพิ่มขึ้น 11.72 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.79% มูลค่าการซื้อขาย 31,909.76 ล้านบาท โดยภาพรวมในวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยยืนในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน ดัชนีแตะจุดสุงสุดของวันที่ระดับ 1,510.68 จุด ส่วนจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,496.37 จุด
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยตลาดหุ้นไทยวันนี้ (10 มิ.ย.) ดีดกลับหลังจากที่เมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.) ดัชนีได้ปรับตัวลงมากเกินไป จากการตื่นตระหนกที่มีการเทขายหุ้นในตลาดอินโดนีเซียและตลาดฟิลิปปินส์กันมากเมื่อวานนี้ อันเนื่องมาจากมีความกังวลถึงแนวโน้มกำไรและเศรษฐกิจของทั้งสองตลาดฯ
แต่ในวันนี้ ทั้งสองตลาดฯ ก็ไม่ได้ปรับตัวขึ้นมาก เป็นการปรับขึ้นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก ยกเว้นตลาดฮ่องกงที่ช่วงบ่ายนี้ติดลบ อันเนื่องมาจากมีข่าวเรื่องการแพร่ระบาดโรคเมอร์สได้ระบาดเข้ามาที่ฮ่องกง
สำหรับบ้านเราผลการประชุม กนง. ออกมาให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ ไม่ได้มีผลต่อตลาดฯ มากนัก แต่กลับมีแรงซื้อเข้าไปที่หุ้นในกลุ่มแบงก์มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ไม่มีการ take profit หุ้นในกลุ่มอสังหาฯ ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานก็ได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่วิ่งขึ้น ทำให้วันนี้มีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงานและกลุ่มแบงก์ช่วยหนุนตลาดฯ
โดยอิทธิพลของตลาดในช่วงนี้คงจะอยู่ที่สภาพคล่องจากในประเทศมากกว่า แต่ก็มองว่าในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า นักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยอีกครั้ง เนื่องจากเวลานี้นักลงทุนต่างชาติเริ่มมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อตลาดหุ้นไทย
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (11 มิ.ย.) เชื่อว่าตลาดมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อ เนื่องจากมองว่าตลาดได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและทำท่าจะขยับขึ้นไป โดยมองว่าตัวเลขเศรษฐกิจไทยน่าจะทรงตัวและค่อยๆ ขึ้นไปได้ อีกทั้งมองว่ากำไรของตลาดบ้านเราโดดเด่นสุดในอีก 3 เดือนข้างหน้าเมื่อเทียบกับตลาดอื่น พร้อมให้แนวรับ 1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,510-1,515 จุด