xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.ทวนแผนธุรกิจหลังน้ำมันดิ่งยาว จับตาธุรกิจถ่านหินจะอยู่หรือไป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กลุ่ม ปตท.เร่งทบทวนแผนธุรกิจและการลงทุนใหม่ เพื่อลดต้นทุนและสร้างมูลค่าเพิ่ม หลังราคาน้ำมันโลกดิ่งหลุด 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยโอกาสฟื้นตัวต้องใช้เวลาอีกนานหลังปริมาณสำรองน้ำมันโลกเพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ชี้โครงการใดไม่สร้างกำไรให้เลื่อนไปก่อน ส่วนธุรกิจถ่านหินก็อยู่ระหว่างทบทวนเช่นกันว่าจะทำต่อหรือขายทิ้ง หากอนาคตไม่ดีและไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ก็ต้องทิ้งเพื่อนำเงินไปลงทุนอื่นๆ แทน

นางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลยุทธ์องค์กร บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยราคาน้ำมันที่ยังไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวดี ทำให้กลุ่ม ปตท.หันมาปรับตัวโดยเพิ่มประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) และห่วงโซ่อุปสงค์ (Demand Chain) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า สร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าบนทรัพย์สินเดิมที่มีอยู่ โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม รวมทั้งนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ประโยชน์เพื่อลดต้นทุนลง ส่วนการลงทุนใดที่ไม่มีความจำเป็นหรือให้ผลกำไรต่ำก็จะเลื่อนการลงทุนโครงการดังกล่าวไป

รวมทั้งปรับพอร์ตฟอลิโอการลงทุนของบริษัทลูกในเครือ ปตท.ใหม่ ทั้งธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม หลังจากราคาน้ำมันดิบลดต่ำกว่า 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลไปแล้ว ส่วนธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีก็เช่นกัน โดยทบทวนโครงการต่างๆ เพื่อลดต้นทุนลง การตัดสินใจลงทุนโครงการใหม่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยให้สรุปและเสนอต่อบอร์ด ปตท.ภายในสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ ขณะเดียวกัน ทาง ปตท.ก็มีการทบทวนการลงทุนธุรกิจถ่านหินที่อินโดนีเซียใหม่ด้วย โดยพิจารณาอนาคตของธุรกิจนี้และการสร้างมูลค่าเพิ่ม หากไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ก็อาจจะเลิกธุรกิจดังกล่าวเพื่อนำเงินไปลงทุนอื่นๆ ที่ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

งบลงทุน 5 ปีนี้ ของ ปตท.ที่วางไว้ 3 แสนล้านบาทนั้น คาดว่าจะปรับลดลงไปอีก เนื่องจากอุปกรณ์และค่าก่อสร้างปรับตัวลงเป็นผลพวงจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง รวมทั้งมีการทบทวนโครงการลงทุนใดบ้างหลังจากราคาน้ำมันที่ปรับลง

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงแรงจากเดิม 100 เหรียญสหรัฐลงมาอยู่ระดับ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เมื่อต้นปี 2558 และเมื่อเร็วๆ นี้ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบปรับลดลงต่ำสุดอยู่ที่ 39 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และมีแนวโน้มว่าราคาน้ำมันต่ำแบบนี้ไประยะยาวเนื่องจากมีปริมาณการผลิตน้ำมันใหม่เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น 5 ล้านบาร์เรล/วันใน 10 ปีข้างหน้าจาก Shale Oil และกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของอิรัก และอิหร่าน

“ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากดีมานด์ที่หดตัวจากภาวะเศรษฐกิจเหมือนสมัยต้มยำกุ้ง หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ที่ราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้นในอีก 2-3 ปีถัดไป แต่ครั้งนี้เกิดจากซัปพลายการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากแหล่งผลิตใหม่ โดยสหรัฐฯ มีผลิตน้ำมันจาก Shale Oil ถึง 5 ล้านบาร์เรล/วัน และยังต้องจับตาดูปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากอิหร่านและอิรักที่จะเข้ามาอีก รวมทั้งโลกมีการเก็บสำรองมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2,900 ล้านบาร์เรล เป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันไม่ให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นได้ ซึ่งในอดีตมีการผลิตน้ำมันดิบในทะเลเหนือทำให้ราคาน้ำมันตกลงมานานถึง 10-15 ปีกว่าที่จะดีดกลับขึ้นไปได้ รอบนี้คงต้องรอดูว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ ทั้งนี้ขึ้นกับเศรษฐกิจโลก”

อย่างไรก็ตาม ทาง ปตท.มองว่าในปีหน้าราคาน้ำมันจะขยับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 50 กว่า เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หากมีการปัจจัยความขัดแย้งทางการเมืองของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน หรือ โอเปกยอมลดกำลังการผลิตลง และที่สำคัญต้องจับตาดูนโยบายสหรัฐฯ ว่าจะมีการยกเลิกการห้ามส่งออกน้ำมันดิบหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น