xs
xsm
sm
md
lg

Money Tips : มุมมองการลงทุนของกองทุนบัวหลวง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์บัวหลวง Money Tips
โดยกลุ่มจัดการกองทุน  บลจ.บัวหลวง

มุมมองการลงทุนในหุ้น ช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตลาดหุ้นมีการปรับฐานระยะสั้นๆ หลังจากที่ดัชนี SET Index ทยอยปรับตัวขึ้นมาตลอดนับตั้งแต่คณะ คสช.ได้เข้ามาแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และในที่สุด ได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  และมีพระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา น่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนีต่อไป ถ้ามีการปรับฐานของตลาดหุ้นไทยเกิดขึ้น การปรับฐานนั้นไม่น่าจะรุนแรง เนื่องจากความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยที่ดีจะสร้างความมั่นใจของนักลงทุน ถึงแม้ระดับมูลค่าของหุ้นไทยอาจจะค่อนข้างตึงตัวสำหรับผลประกอบการคาดการณ์ปี 2014 แต่ด้วยโอกาสที่จะเห็นความคืบหน้าในทางที่ดีต่อเศรษฐกิจ และผลประกอบการในอนาคต เชื่อว่านักลงทุนไม่น่าจะเปลี่ยนมุมมองระยะยาวที่ดีต่อหุ้นไทยเพียงเพราะราคาหุ้นขึ้นมาเร็วเกินไป  
    
สำหรับช่วงที่เหลือของปี 2557 เราเชื่อว่า หุ้นไทยจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น ในลักษณะ Sideways up คือ มีความผันผวนบ่อยครั้ง และการปรับขึ้นของดัชนีตลาดอาจจะไม่มากนัก และไม่ต่อเนื่องหลายวัน ซึ่งเป็นลักษณะของการปรับฐานรูปแบบหนึ่งในกรอบเวลาที่กว้างขึ้น ซึ่งการปรับฐานนี้จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพของแนวโน้มขาขึ้นในรอบต่อไป อย่างไรก็ตาม ถ้าจะมีประเด็นความกังวลใหม่ๆ ที่ส่งให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง น่าจะเป็นปัจจัยจากต่างประเทศมากกว่าปัจจัยในประเทศ (เช่น การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ หรือปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ ที่รุนแรงขึ้น) ซึ่งเราคงไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า จะมีเหตุการณ์น่ากังวลเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ท่านนักลงทุนจึงควรมองไปยังพื้นฐานในอนาคตระยะยาว และตระหนักอยู่เสมอว่า เหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความกังวลนั้นมักจะไม่อยู่นาน และในช่วงที่เหลือของปีนี้ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรน่ากังวลไปกว่าเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อช่วงต้นปีแล้ว
    
ในเดือนสิงหาคม ปริมาณการซื้อ-ขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาตินั้นไม่ได้ส่งผลต่อทิศทางตลาดอย่างมีนัยสำคัญ มีทั้งการซื้อ และขายสุทธิสลับกัน และเป็นมูลค่าไม่มาก (น้อยกว่า 1 พันล้านบาทในแต่ละวัน) แต่เราเชื่อว่า เมื่อความชัดเจนของนโยบายการปฏิรูปของรัฐบาลใหม่มีมากขึ้น นักลงทุนต่างชาติจะให้ความสนใจหุ้นไทยเพิ่มขึ้น เพราะนักลงทุนต่างประเทศนั้นจะค่อนข้างกังวลต่อความไม่ชัดเจนของนโยบายการเมืองมาก  จึงเชื่อว่ามีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติที่มองการลงทุนระยะยาวจะกลับมาซื้อหุ้นไทยได้อีก หลังจากรัฐบาลใหม่เริ่มทยอยเดินหน้าปฏิบัตินโยบายต่างๆ ให้เกิดผลจริงในอนาคต
    
มุมมองการลงทุนตลาดตราสารหนี้ ในเดือนสิงหาคม  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยเฉพาะช่วงอายุ 5-10 ปี   เป็นผลมาจากกระแสเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ในรุ่นอายุยาว (> 5 ปี) เพื่อรับผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของประเทศพัฒนาแล้วค่อนข้างมาก   รวมทั้งนักลงทุนต่างชาติยังได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากการแข็งค่าของเงินบาทอีกด้วย   ขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)  ครั้งที่ 5/2557     ในวันที่ 6 ส.ค.2557 มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.00%   ด้วยมุมมองต่อเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นจากการเริ่มฟื้นตัวของการใช้จ่ายภาคเอกชน และการกลับมาใช้จ่ายได้ตามปกติของภาครัฐ  
    
   โดยความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยยังอยู่ที่การส่งออก และการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ต่ำกว่าการคาดการณ์    สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ  กนง.ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองจากมีแรงกดดันในการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อเป็นมีเสถียรภาพหลังจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 หลัง คสช.เข้ามาบริหารประเทศ   ทั้งนี้  กองทุนบัวหลวง คาดว่า  แรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อไปจากมาตรการควบคุมราคาสินค้า และพลังงานของ คสช. ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัว ทำให้ กนง. ยังมีความจำเป็นที่ต้องดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวให้มีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มคงที่ในระดับ 2.00% จนถึงสิ้นปีนี้
    
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้ของกองทุนบัวหลวง ยังคงเน้นการลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ระยะสั้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีปัจจัยสำคัญคือ แนวทางการดำเนินนโยบายการเงินของของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และอังกฤษ(BOE) ที่คาดว่าจะเริ่มปรับเปลี่ยนการดำเนินนโยบายการเงินไปสู่ระดับปกติหลังดำเนินนโยบายแบบผ่อนคลายมาอย่างยาวนาน  ซึ่งจะส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกได้         


กำลังโหลดความคิดเห็น