xs
xsm
sm
md
lg

สยามคูโบต้าตั้งเป้าปี 59 รุกตลาดพืชไร่-ส่งออก โอดปีนี้เจอภัยแล้ง-ข้าวตกฉุดกำลังซื้อลด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายฮิโรชิ คาวาคามิ (ซ้ายมือ)
“สยามคูโบต้า” โอดภัยแล้งและราคาข้าวตกฉุดยอดขายปีนี้พลาดเป้าเหลือเพียง 4.7 หมื่นล้านบาท คาดสถานการณ์ปีหน้าไม่กระเตื้อง ปรับแผนธุรกิจหันมาบุกตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรต่อพ่วงสำหรับพืชไร่มากขึ้น รวมทั้งเร่งทำตลาดส่งออกอาเซียน ตั้งเป้าปี 59 ยอดขาย 5 หมื่นล้านบาท

นายฮิโรชิ คาวาคามิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯ จะหันมาเน้นทำตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรต่อพ่วงสำหรับพืชไร่ที่ใช้กับอ้อย มันสำปะหลัง และข้าวโพดมากขึ้น ซึ่งตลาดมีแนวโน้มโตขึ้นอีก 10% เมื่อเทียบกับทิศทางราคาข้าวในปีหน้ายังทรงตัวในระดับที่ไม่สูงและยังได้รับผลกระทบจากภัยแล้งทำให้ไม่สามารถปลูกข้าวนาปรังได้ ส่งผลเกษตรกรก็จะชะลอการซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรลง ขณะเดียวกันพื้นที่ที่ไม่เหมาะสำหรับปลูกข้าวก็หันไปเพาะปลูกพืชไร่เพิ่มมากขึ้น

ในปีหน้าบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่ามียอดขายรวม 4.7 หมื่นล้านบาท โดยจะหันไปทำตลาดส่งออกยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะกัมพูชา ลาว และพม่า ซึ่งมีความต้องการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรเพิ่มมากขึ้น เพื่อทดแทนแรงงานคนและสัตว์ รวมทั้งยังช่วยลดต้นทุนและคุณภาพของผลผลิตด้วย โดยปีหน้าจะหันไปทำตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในประเทศดังกล่าวมากขึ้น รวมทั้งการให้บริการหลังการขายด้วย ขณะที่ตลาดอินโดนีเซียและเวียดนามนั้นทางบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นจะเป็นผู้ทำตลาดเอง

“ในปีนี้มูลค่าตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรในไทยอยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านบาท ตกลงไป 15% โดยยอดขายบริษัทในไทยลดลง 5% ซึ่งคูโบต้ามีส่วนแบ่งการตลาดใกล้ 80% คาดว่าปีนี้บริษัทฯ มียอดขายรวม 4.7 หมื่นล้านบาทต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ 5 หมื่นล้านบาท แยกเป็นตลาดในประเทศ 3 หมื่นล้านบาท และตลาดต่างประเทศ 1.7 หมื่นล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้รวมมาจากเครื่องจักรกลฯ สำหรับนาข้าว 55% พืชไร่ 35% และอื่นๆ 10%”

พร้อมทั้งสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันเพื่อเป็นเจ้าของเครื่องจักรกลการเกษตรได้ง่ายขึ้นและยังเป็นการใช้ประสิทธิภาพเครื่องจักรกลการเกษตรให้เต็มที่ด้วย เนื่องจากไทยประสบปัญหาค่าแรงงานสูงและหายาก รวมทั้งแรงงานที่อยู่ในภาคเกษตรก็มีอายุมาก ดังนั้น บริษัทได้พัฒนาระบบการจัดการเกษตรแบบครบวงจร (KUBOTA Agri Solutions) โดยศึกษาสภาพพื้นที่ และวิธีการเพาะปลูกทุกขั้นตอน การวิเคราะห์ปัญหา จากนั้นก็นำเครื่องจักรกลการเกษตรเข้ามาสนับสนุนเทคนิคการทำเกษตรให้เหมาะสม ลดต้นทุนการผลิตลง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้นำแนวคิดดังกล่าวมาใช้กับนาข้าว ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี โดยปีหน้าจะพัฒนานำมาใช้กับพืชไร่เพื่อช่วยขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้

นายคาวาคามิกล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ได้มีการลงทุนศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัท เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเกษตรกร และพัฒนานวัตกรรมใหม่ในนิคมฯ นวนคร จ.ปทุมธานี บนพื้นที่ 14 ไร่ ใช้เงินลงทุน 600 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดทำการได้ในเดือน มี.ค. 2559

นายสมบูรณ์ จินตนาผล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขายและบริการ บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ จัดโครงการแปลงนาส่งเสริมการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรแบบครบวงจร ส่งเสริมเกษตรกรสมาชิกศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว 23 ศูนย์ทั่วประเทศ โดยการจัดสาธิตการใช้รถดำนาเพื่อปักดำต้นกล้า หลังจากนั้นจะทำการติดตามผลการทำแปลงตัวอย่าง เก็บข้อมูลต้นทุน ผลผลิตการวางแผนเก็บเกี่ยวและสาธิตการใช้รถเกี่ยวนวดข้าวในการเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ ซึ่งการทำนาตามขั้นตอนของโครงการใช้เวลา 4 เดือน

การนำองค์ความรู้ดังกล่าวเข้ามาส่งเสริมและพัฒนากระบวนการปลูกข้าวเพื่อให้เกษตรกรได้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพ มีความบริสุทธิ์ เนื่องจากแต่ละปีเกษตรกรมีความต้องการเมล็ดพันธุ์ข้าวปีละ 1-1.4 ล้านตัน แต่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพได้เพียงปีละ 6 แสนตัน ทำให้เกษตรกรต้องใช้เมล็ดพันธุ์ที่มาจากแหล่งที่ตรวจสอบคุณภาพไม่ได้ทำให้ผลผลิตปลูกข้าวลดลง

ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวบ้านป่าแฝกใต้ อ.แม่ใจ จ.พะเยา เป็นหนึ่งในกลุ่มที่เข้าร่วมโครงการแปลงนาส่งเสริมเครื่องจักรกลการเกษตรแบบครบวงจร โดยส่งเสริมให้มีการปลูกแบบดำนาแทนการทำนาหว่าน พบว่าบนพื้นที่แปลงนาของเกษตรกรจำนวน 5 ไร่จากการปลูกข้าวด้วยรถดำนาจะทำให้การแตกกอที่ดี ความห่างของแถวสม่ำเสมอ เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วจะได้ปริมาณผลผลิตข้าว 600 กิโลกรัม/ไร่ เพิ่มขึ้นจากปกติเฉลี่ยอยู่ที่ 450-500 กิโลกรัม/ไร่ หรือเพิ่มขึ้น 20%
กำลังโหลดความคิดเห็น