“พาณิชย์” เผยผู้บริโภคแห่ร้องเรียนเว็บไซต์ขายของออนไลน์เพียบ พบสารพัดปัญหา ทั้งจ่ายเงินแล้วไม่ได้ของ คุณภาพไม่ตรงตามที่สั่งซื้อ ร้านไม่ทำตามข้อตกลง ได้รับสินค้าไม่ครบ ส่งตำรวจดำเนินคดี พร้อมส่งสรรพากรตรวจสอบภาษี และส่ง สคบ. ตรวจสอบผิดกฎหมายขายตรงหรือไม่ แนะผู้ค้าขายผ่านออนไลน์ต้องมาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ผู้ซื้อ
นายวิชัย โภชนกิจ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค.2558 มีประชาชนที่ซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ร้องเรียนถึงปัญหาเข้ามายังกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นจำนวนมาก มีทั้งชำระเงินค่าสินค้าแล้วไม่ได้รับสินค้า ซึ่งเป็นการซื้อผ่าน Facebook, sbuyservice, truck2hand, khaidee, forhomelesscats และ chilindo ได้รับสินค้าไม่ตรงตามที่สั่งซื้อ โดยซื้อจากเว็บไซต์ lazada, jumzabza2530 และ plazacool สินค้าไม่ได้คุณภาพ ซื้อจากเว็บไซต์ lazada และ line shop ร้านค้าไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ซื้อจากเว็บไซต์ lazada ได้รับสินค้าไม่ครบ โดยซื้อจาก vcanbuy และอื่นๆ เช่น ไม่รับผิดชอบตามสัญญาประกัน โดยซื้อจาก fourrice.com
ทั้งนี้ หลังจากได้ดำเนินการตรวจสอบได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด ซึ่งผู้กระทำผิดบางรายยอมรับสารภาพ และยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ร้องเรียน และยังได้ส่งเรื่องต่อให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เช่น ส่งกรมสรรพากร เพื่อตรวจสอบภาษีย้อนหลัง ส่งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อดำเนินการเอาผิด หากเป็นความผิดตามกฎหมายขายตรง และตลาดแบบตรง ที่กำหนดให้ผู้จะขายตรงต้องได้รับอนุญาตจาก สคบ. ก่อน
นอกจากนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังได้ดำเนินการสุ่มตรวจเว็บไซต์ที่เป็นตลาดกลางขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ เพื่อป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภค ซึ่งในเดือน ก.ค.2558 ได้ดำเนินการสุ่มตรวจ 264 ราย พบไม่จดทะเบียนพาณิชย์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย 65 ราย ในจำนวนนี้ได้ส่งดำเนินคดีแล้ว 19 ราย และอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมอีก 46 ราย ส่วนอีก 10 รายไม่ปรากฏชื่อ และที่อยู่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเช่นกัน และที่เหลืออีก 189 ราย จดทะเบียนพาณิชย์แล้ว
นายวิชัย กล่าวว่า ขณะนี้การซื้อขายสินค้าทางออนไลน์ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังมีผู้ประกอบการจำนวนมากยังไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ จึงขอให้มาจดทะเบียนให้ถูกต้อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ น่าเชื่อถือ ไม่มีการหลอกลวงผู้ซื้อ โดยปัจจุบันคาดว่ามีผู้ขายสินค้าทางออนไลน์ประมาณ 400,000 ราย แต่ล่าสุด ณ วันที่ 31 ส.ค.58 มีผู้มาจดทะเบียนแล้ว 13,071 ราย 14,812 เว็บไซต์
สำหรับผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (อี-คอมเมิร์ซ) ที่ฝ่าฝืนไม่จดทะเบียนพาณิชย์ภายใน 30 วัน จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ.2499 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และหากยังฝ่าฝืนอีกจะมีโทษปรับอีกวันละไม่เกิน 100 บาท จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง และผู้ใดไม่จดทะเบียนต่อ สคบ. จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ และปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน
นายวิชัย กล่าวว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีแผนที่จะส่งเสริมและผลักดันให้ผู้ผลิตสินค้าท้องถิ่น เช่น สินค้าโอทอป สินค้าเกษตรอินทรีย์ สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ รวมถึงผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ให้สามารถซื้อขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ได้มากขึ้น เพราะประหยัดต้นทุนได้มาก เนื่องจากไม่ต้องมีหน้าร้านขายสินค้า อีกทั้งสินค้ายังเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่าย และกว้างขวาง โดยล่าสุด ได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น เว็บไซต์ central, talad เป็นต้น นำสินค้าของผู้ประกอบการท้องถิ่นไปขายผ่านเว็บไซต์แล้ว