ประชาชน เฮ! กบง.คงราคาขายปลีก LPG ต.ค.นี้อยู่ 22.29 บาท/กก. โดยหันไปลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลง 0.8435 บาท/กก. มีผลวันพรุ่งนี้ รวมทั้งปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 เพื่อกระตุ้นการใช้เอทานอลเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เที่ยงคืนวันนี้ (2 ต.ค.) ราคาขายปลีก E20 ปรับลดลง 0.54 บาท/ลิตร และ E85 ปรับลดลง 2.14 บาท/ลิตร
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วันนี้ (2 ต.ค.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาโครงสร้างราคาก๊าซ LPG เดือน ต.ค. 58 ตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นแบบถ่วงน้ำหนัก และเห็นควรใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการเพื่อคงราคาขายปลีก LPG เดือน ต.ค.นี้ที่ 22.29 บาท/กก. โดยปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของก๊าซ LPG ลง 0.8435 บาท/กก. จากเดิม 0.9262 บาท/กก. เป็น 0.0827 บาท/กก. โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.เป็นต้นไป
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากต้นทุนการจัดหา LPG เพิ่มสูงขึ้นโดยราคาตลาดโลก (CP) ปรับเพิ่มขึ้น 35 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากเดิม 327 เหรียญสหรัฐ/ตัน มาอยู่ที่ 362 เหรียญสหรัฐ/ตัน และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงทำให้ต้นทุนการจัดหาก๊าซ LPG เพิ่มสูงขึ้น 0.84 บาท/กก. ซึ่งการลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าวทำให้กองทุนน้ำมันในส่วนของก๊าซ LPG มีรายจ่าย 54 ล้านบาท/เดือน
นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการปรับอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ให้อยู่ระดับที่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการใช้เอทานอล โดยเพิ่มแรงจูงใจในการใช้แก๊สโซฮอล์ E20และ E85 มากขึ้น ดังนี้ คือ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ 0.50 บาท/ลิตร จากชดเชย 1.90 บาท/ลิตร เป็น 2.40 บาท/ลิตร และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ 2.00 บาท/ลิตร จากชดเชย 7.23 บาท/ลิตร เป็น 9.23 บาท/ลิตร
ส่งผลให้ราคาขายปลีกแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 ณ วันที่ 2 ต.ค.เวลา 24.00น. ปรับลดลง ดังนี้ คือ E20 ปรับลดลง 0.54 บาท/ลิตร และ E85 ปรับลดลง 2.14 บาท/ลิตร เพื่อกระตุ้นการใช้ E20 และ E85 เพิ่มมากขึ้น ทำให้สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นจาก 62.20 ล้านบาท/เดือนเป็น 176.62 ล้านบาท/เดือน จากปัจจุบันสถานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 43,612 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน 35,391 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG 8,221 ล้านบาท
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วันนี้ (2 ต.ค.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาโครงสร้างราคาก๊าซ LPG เดือน ต.ค. 58 ตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นแบบถ่วงน้ำหนัก และเห็นควรใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการเพื่อคงราคาขายปลีก LPG เดือน ต.ค.นี้ที่ 22.29 บาท/กก. โดยปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของก๊าซ LPG ลง 0.8435 บาท/กก. จากเดิม 0.9262 บาท/กก. เป็น 0.0827 บาท/กก. โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.เป็นต้นไป
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากต้นทุนการจัดหา LPG เพิ่มสูงขึ้นโดยราคาตลาดโลก (CP) ปรับเพิ่มขึ้น 35 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากเดิม 327 เหรียญสหรัฐ/ตัน มาอยู่ที่ 362 เหรียญสหรัฐ/ตัน และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงทำให้ต้นทุนการจัดหาก๊าซ LPG เพิ่มสูงขึ้น 0.84 บาท/กก. ซึ่งการลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าวทำให้กองทุนน้ำมันในส่วนของก๊าซ LPG มีรายจ่าย 54 ล้านบาท/เดือน
นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการปรับอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ให้อยู่ระดับที่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการใช้เอทานอล โดยเพิ่มแรงจูงใจในการใช้แก๊สโซฮอล์ E20และ E85 มากขึ้น ดังนี้ คือ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ 0.50 บาท/ลิตร จากชดเชย 1.90 บาท/ลิตร เป็น 2.40 บาท/ลิตร และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ 2.00 บาท/ลิตร จากชดเชย 7.23 บาท/ลิตร เป็น 9.23 บาท/ลิตร
ส่งผลให้ราคาขายปลีกแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 ณ วันที่ 2 ต.ค.เวลา 24.00น. ปรับลดลง ดังนี้ คือ E20 ปรับลดลง 0.54 บาท/ลิตร และ E85 ปรับลดลง 2.14 บาท/ลิตร เพื่อกระตุ้นการใช้ E20 และ E85 เพิ่มมากขึ้น ทำให้สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นจาก 62.20 ล้านบาท/เดือนเป็น 176.62 ล้านบาท/เดือน จากปัจจุบันสถานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 43,612 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน 35,391 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG 8,221 ล้านบาท