xs
xsm
sm
md
lg

ราชบุรีฯ คาด 2 เดือนสรุปซื้อหุ้น WEH 20% จ่อยื่นประมูลโรงไฟฟ้าที่อินโดฯ-ออสเตรเลีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ราชบุรีฯ เผยได้รับการติดต่อจากผู้ถือหุ้นเดิม “วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ” เสนอขายหุ้นที่ถืออยู่กว่า 20% ชี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจ คาดได้ข้อสรุป 1-2 เดือนนี้ แย้มเป็นบริษัทที่มีศักยภาพดี มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมในมือเพียบ และมีกลุ่มทุนใหม่เสียบแทน “นพพร” แล้ว แย้มจับมือบ้านปูยื่นข้อเสนอโรงไฟฟ้าถ่านหินจาวา 7 ขนาด 2 พันเมกะวัตต์ ต.ค.นี้ คาดได้ข้อสรุปสิ้นปี 58 ยันไม่ต้องหาพันธมิตรใหม่ เหตุ PLN การไฟฟ้าอินโดฯ จะเข้ามาถือหุ้น 30% หากชนะประมูล

นายพงษ์ดิษฐ พจนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าว่า ขณะนี้บริษัทได้รับการติดต่อเสนอขายหุ้นบริษัท วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) จากผู้ถือหุ้นเดิม คิดเป็นสัดส่วนกว่า 20% คาดว่าภายใน 1-2 เดือนนี้จะมีความชัดเจนว่าตัดสินใจซื้อหุ้นดังกล่าวหรือไม่

โดยยอมรับวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมในมือกว่า 10 โครงการ คิดเป็นกำลังผลิตหลายร้อยเมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างรอการพัฒนาโครงการในจังหวัดนครราชสีมา แต่ที่ผ่านมาพบว่าโครงการดังกล่าวต้องหยุดชะงักลงไปเพราะ นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อดีตประธานกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ ถูกออกหมายจับในคดีอาญาร้ายแรง และยังไม่สามารถติดตามตัวได้ ทำให้ธนาคารต้องระงับการปล่อยสินเชื่อ จนล่าสุดกลุ่มเคพีเอ็น (KPN) ตัดสินใจซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอยี คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (REC) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด ทำให้นายนพพรไม่มีหุ้นหรือส่วนเกี่ยวข้องกับทั้งสองบริษัทอีกต่อไป

ก่อนหน้านี้ ทางราชบุรีฯ ก็ได้ร่วมทุนกับบริษัท วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ฯ ทำโรงไฟฟ้าพลังลม เวสต์ ห้วยบง 2 และเวสต์ ห้วยบง 3 กำลังผลิตติดตั้ง 103.5 เมกะวัตต์/โครงการ ที่จังหวัดนครราชสีมา โดยโครงการเวสต์ ห้วยบง 2 ดำเนินการโดยบริษัท เค.อาร์.ทู จำกัด ส่วนโครงการ เวสต์ ห้วยบง 3 ดำเนินการโดย บริษัท เฟิร์ส โคราช วินด์ จำกัด ซึ่งทั้งสองโครงการมีบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 20 บริษัท อีโอลัส พาวเวอร์ จำกัด ในเครือบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด และ บริษัท จูบุ อิเล็คทริค เพาเวอร์ โคราช บีวี ร่วมลงทุนในอัตราส่วนร้อยละ 60 และ 20 ตามลำดับ มูลค่าการลงทุนสองโครงการรวมกันทั้งสิ้น 13,053 ล้านบาท

ส่วนการลงทุนในต่างประเทศนั้น บริษัทฯ ได้ร่วมกับ บมจ.บ้านปู เตรียมยื่นข้อเสนอสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจาวา 7 ขนาดกำลังการผลิต 2 พันเมกะวัตต์ ที่ประเทศอินโดนีเซียในเดือน ต.ค.นี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในสิ้นปีนี้ โดยโครงการดังกล่าวไม่จำเป็นต้องหาพันธมิตรใหม่เพิ่มเติม จากเดิมที่เคยมีแผนจะดึงพันธมิตรญี่ปุ่นเข้าร่วมทุนเพื่อลดความเสี่ยง

เนื่องจากการประมูลสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินดังกล่าวนี้ ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตของอินโดนีเซีย (Perusahaan Listrik Negara : PLN) จะเข้ามาร่วมถือหุ้นด้วย 30% ทำให้โครงการดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือในการหาแหล่งเงินกู้เพื่อทำโครงการ

ส่วนความคืบหน้าการซื้อโรงไฟฟ้าซัมเซล 5 ที่อินโดนีเซียนั้น บริษัทฯ ได้ยกเลิกที่จะซื้อโรงไฟฟ้าซัมเซล 5 ที่ขายเป็นแพกเกจ มีทั้งโรงไฟฟ้าที่สร้างเสร็จและยังไม่ได้ดำเนินการก่อสร้างแต่มีมูลค่ารวมด้วย แต่ได้เจรจาซื้อเฉพาะโรงไฟฟ้าที่สร้างเสร็จแล้วเท่านั้น คาดว่าจะมีความชัดเจนในสิ้นปีนี้ หลังจากนั้นบริษัทฯ จะตรวจสอบฐานะทางการเงิน (Due Diligence) โรงไฟฟ้าดังกล่าวต่อไป โดยมีเงื่อนไขว่าจะบรรลุข้อตกลงซื้อได้ต่อเมื่อโรงไฟฟ้าสามารถจ่ายไฟเข้าระบบ (COD) ได้ หลังจากที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าดังกล่าวได้เลื่อนการจ่ายไฟเข้าระบบมานานกว่า 8 เดือน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ยื่นประกวดราคาโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมที่ Collector Wind Farm ที่ออสเตรเลีย กำลังการผลิต 228 เมกะวัตต์ ภายหลังจากรัฐบาลออสเตรเลียสนับสนุนพลังงานหมุนเวียน โดยประกาศรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมอีกหมื่นเมกะวัตต์ภายใน 10 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีความชัดเจนในปลายปี 2558 หากได้รับเลือกจะใช้เวลาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังลม 1-2 ปี ใช้เงินลงทุนเมกะวัตต์ละ 60-70 ล้านบาท

ที่ผ่านมาบริษัทได้รับใบอนุญาตให้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนได้ 3 โครงการในออสเตรเลีย ทั้งโรงไฟฟ้าพลังลม 2 โครงการ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 1 โครงการ แต่ไม่ได้มีการพัฒนาโครงการเนื่องจากกำลังการผลิตไฟฟ้าในออสเตรเลียเกินความต้องการมาก ทำให้ค่าไฟต่ำ รวมทั้งไม่สามารถหาผู้รับซื้อไฟฟ้าได้

วันนี้ (7 ก.ย.) บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดตัวโครงการ @ CareLine เครือข่ายปันสุข ตอนสถานีปลอดภัยวัยซน ซึ่งเป็นสถานีเรียนรู้การเอาตัวรอดจากภัยพิบัติและการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุล สำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษา เพื่อให้มีทักษะในการป้องกัน และรับมือภัยพิบัติ ทั้งแผ่นดินไหว อุทกภัย วาตภัย รวมถึงภัยที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ เช่น อัคคีภัย ภัยจากสารเคมี และวัตถุอันตราย โดยแบ่งปันองค์ความรู้ผ่านโครงการดังกล่าวที่จัดขึ้นในปีนี้เป็นปีแรก ให้แก่นักเรียนโรงเรียนในสังกัดพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 1 จำนวน 10 โรงเรียน ระหว่างวันที่ 7-11 ก.ย.นี้ ณ โถงชั้น G อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น