ภาครัฐ-เอกชนเร่งเครื่องผลักดันอุตสาหกรรมไมซ์ภูเก็ต โชว์ศักยภาพเมืองไมซ์อินเซนทีฟแห่งอันดามัน “ทีเส็บ” ชู 3 กลยุทธ์ 6 ธีม พร้อมจัดงาน “ไทยแลนด์ ไมซ์ มาร์ท ครั้งที่ 2” มุ่งเจาะตลาดประชุมองค์กรและกลุ่มอินเซนทีฟ ด้านจังหวัดภูเก็ตเตรียมของบกว่า 1.7 พันล้านบาทพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน เพิ่มมาตรฐานเมืองรับไมซ์คุณภาพ ด้านภาคเอกชนเผยธุรกิจไมซ์ช่วยเติมเต็มเศรษฐกิจภูเก็ตและสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” เปิดเผยว่า จังหวัดภูเก็ตถือเป็น 1 ใน 5 เมืองไมซ์ซิตี้ที่มีศักยภาพสูง ซึ่งพบว่าในช่วงครึ่งปีงบประมาณ 2558 (ตุลาคม 2557-มีนาคม 2558) มีกลุ่มนักเดินทางไมซ์รวมทั้งสิ้น 73,570 คน คิดเป็นรายได้ 573.42 ล้านบาท โดยมีกลุ่มการประชุมองค์กรและกลุ่มท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Incentive) มีสัดส่วนสูงถึง 46.37% ของตลาดไมซ์ภูเก็ตทั้งหมด จากจำนวนนักเดินทาง 34,112 คน สร้างรายได้ 469.85 ล้านบาท รองลงมาคือ กลุ่มประชุมนานาชาติ (Conventions) กลุ่มงานแสดงสินค้า (Exhibition) และกลุ่มประชุมองค์กร (Meeting)
เพื่อขยายสัดส่วนการเติบโตของกลุ่มไมซ์อินเซนทีฟ “ทีเส็บ” จะดำเนินงานผ่าน 3 กลยุทธ์การตลาดหลัก ประกอบด้วย 1. การจัดแคมเปญ “ประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติ ส่งเสริมกิจกรรมดีไมซ์ในภูเก็ต” พร้อมขยายศักยภาพของเมืองไมซ์ในกลุ่มอันดามัน (ภูเก็ต กระบี่ พังงา ระนอง และตรัง) เพื่อรองรับการจัดประชุมสัมมนา 2. การส่งเสริมการจัดประชุมและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลในพื้นที่โครงการพระราชดำริ สอดรับกับนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวและสัมมนาในโครงการพระราชดำริของรัฐบาล อาทิ โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าทุ่งทะเล อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดกระบี่ และ 3. การกระตุ้นการจัดงานแสดงสินค้าผ่านแนวทาง “กระจายงานแสดงสินค้า” ที่ประสบความสำเร็จไปยังจังหวัดภูเก็ต อาทิ งาน Food and Hotelex 2015 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 พฤศจิกายน 2558 รวมถึงการพัฒนาคุณภาพธุรกิจไมซ์ในจังหวัด โดยผลักดันสถานที่ประกอบการไมซ์ผ่านการประเมินรับตราสัญลักษณ์ มาตรฐานสถานที่จัดงานไมซ์ (ประเภทห้องประชุม) หรือ Thailand MICE Venue Standard การฝึกอบรมบุคลากรในสถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มศักยภาพของบุคลากรในจังหวัด
“ทีเส็บ” ยังนำเสนอศักยภาพของภูเก็ตที่พร้อมจัดกิจกรรมสำหรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ โดยเฉพาะกลุ่มอินเซนทีฟ ภายใต้ 6 แนวคิดการจัดงาน ได้แก่ 1. การจัดงานแบบ Team Building สร้างความร่วมมือให้แก่องค์กรในการทำกิจกรรมร่วมกัน 2. การจัดกิจกรรม CSR แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านการปลูกป่าชายเลน ปล่อยเต่าทะเล 3. การสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่ๆ โดยการลงมือปฏิบัติและเข้าเยี่ยมชมสถานที่จริง 4. การจัดประชุมสีเขียว หรือ Green Meetings จัดประชุมในสถานที่และรูปแบบกิจกรรมที่เน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม 5. การจัดกิจกรรมเชิง History & Culture การเยี่ยมชมเส้นทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ในสถานที่ประวัติศาสตร์ และ 6. การจัดงานในรูปแบบพิเศษเฉพาะตามความต้องการของกลุ่มประชุม หรือ LUXURY
“ทีเส็บยังได้จัดกิจกรรมไทยแลนด์ไมซ์มาร์ทครั้งที่ 2 ณ จังหวัดภูเก็ต เปิดเวทีเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ซื้อกลุ่มเป้าหมายจากกรุงเทพฯ และในท้องถิ่นรวม 90 ราย และผู้ขายซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านไมซ์ เช่น สถานที่จัดประชุม แหล่งท่องเที่ยว บริษัทรับจัดงานเชิงธุรกิจ จำนวน 34 ราย เพื่อกระตุ้นการซื้อขายให้เกิดการจัดงานไมซ์ในจังหวัดภูเก็ตอย่างต่อเนื่องอีกด้วย” นางศุภวรรณกล่าวในตอนท้าย
ด้าน นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ภูเก็ตมีความพร้อมสูงมากในการรองรับอุตสาหกรรมไมซ์ โดยในปี 2558-2559 ได้ขอรับการจัดสรรงบประมาณ 1,750 ล้านบาทในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัด เช่น การสร้างทางลอด 4 แห่ง สะพานกลับรถ 2 แห่ง และประสานงานกับรัฐบาล ผลักดันการสร้างรถไฟรางเบาเพื่อช่วยลดปัญหาจราจร การพัฒนาสนามบินใหม่มูลค่า 5,400 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดให้บริการต้นปี 2559 สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 12.5 ล้านคน รองรับเที่ยวบินได้สูงสุดวันละ 278 เที่ยวบิน จากปัจจุบันที่มีเที่ยวบินต่างประเทศเข้ามาถึง 48 สายการบิน มีความพร้อมของโรงแรมที่ประกาศขายอยู่บนเว็บไซต์ agoda รวม 2,021 แห่ง ด้วยจำนวนห้องพักประมาณ 9 หมื่นห้อง ตั้งแต่ระดับ 1-6 ดาว
จังหวัดภูเก็ตยังเตรียมร่างแผนยุทธศาสตร์ไมซ์จังหวัดภูเก็ต ครอบคลุม 2 ด้านหลักคือ 1. Partnership เน้นการทำงานเชิงเครือข่ายกับภาคีต่างๆ ทั้งเทศบาลนคร สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภูเก็ต สมาคมโรงแรมไทย (ภาคใต้) การมีส่วนร่วมของชุมชน และความร่วมมือกับกลุ่มจังหวัดอันดามัน (ภูเก็ต กระบี่ พังงา ระนอง และตรัง) โดยพัฒนาพื้นที่กลุ่มอันดามันให้เป็นเส้นทางเชื่อมโยง เพื่อรองรับกิจกรรมไมซ์ในอนาคต 2. Destination Marketing การหารือจุดยืนทางการตลาดด้านไมซ์ร่วมกับภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ภาพลักษณ์ของเมืองมีความโดดเด่น สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ทุกรูปแบบ มุ่งสู่การเป็นจุดหมายการจัดงานไมซ์ชั้นนำระดับโลก
นายนิสิตกล่าวในตอนท้ายว่า ในปี 2559 จังหวัดภูเก็ตเตรียมใช้งบประมาณ 280 ล้านบาทติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV รอบเกาะภูเก็ต เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัย พัฒนาระบบกำลังไฟฟ้า 500 กิโลวัตต์ใหม่ พัฒนาระบบกำจัดขยะ ระบบบำบัดน้ำเสียเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนได้ขยายการลงทุนเข้ามาที่ภูเก็ตเพิ่มขึ้น เช่น “กลุ่มเซ็นทรัล” เตรียมเปิดตัวเซ็นทรัลเอมบาสซี และมีนโยบายสร้างศูนย์ประชุมขนาด 5 พันที่นั่ง “กลุ่มเดอะมอลล์” วางแผนลงทุนด้านคอมมูนิตีมอลล์ขนาด 6 แสนตารางเมตร และ “กลุ่มคิงเพาเวอร์” วางแผนลงทุนเปิดดิวตี้ฟรีบนพื้นที่ 3 หมื่นตารางเมตร ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนธันวาคม ศกนี้
นายวิจิตร ณ ระนอง ประธานกรรมการ โรงแรมอินดิโก้ เพิร์ล ภูเก็ต เปิดเผยว่า ภูเก็ตเป็นเมืองที่เจริญเติบโตทางด้านไมซ์สูงสุดในภูมิภาค และควรพัฒนาเป็น Leisure และ MICE City รองรับตลาดนานาชาติระดับเดียวกับฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยเฉพาะการมีศูนย์ประชุมเพื่อให้สามารถรองรับการประชุมขนาดใหญ่ได้ อีกทั้งในจังหวัดภูเก็ตยังมีเรื่องการจราจรติดขัด ดังนั้น ทางภาครัฐควรพัฒนาระบบรถไฟรางเบาขึ้นรองรับ ซึ่งทั้งสองปัจจัยนี้หากได้รับการพัฒนาจะช่วยเสริมศักยภาพไมซ์ของเมืองเพิ่มมากยิ่งขึ้น
“ขณะเดียวกัน ควรจัดทำแผนแม่บทพัฒนาไมซ์ในระยะยาวเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ แผนปฏิบัติการ และกำหนดเวลาการดำเนินงานให้ชัดเจน นอกจากนี้ ไมซ์ยังสามารถเติมเต็มช่วงกรีนซีซันของภูเก็ตได้อย่างดี ช่วยยกระดับคุณภาพนักท่องเที่ยว แก้ปัญหาให้สายการบินเพื่อให้มีลูกค้าเดินทางมาตลอดทั้งปี โดยสายการบินที่ให้บริการเช่าเหมาลำเฉพาะช่วงไฮซีซันก็สามารถจะพัฒนาให้บริการบินประจำได้ ทำให้การพัฒนาการท่องเที่ยวของภูเก็ตเกิดความยั่งยืน เพราะถ้ามีเที่ยวบินที่เปิดให้บริการเป็นประจำแทนการเช่าเหมาลำ ธุรกิจการบินในเส้นทางภูเก็ตจะต้องมีแผนพัฒนาเส้นทางและแผนการตลาดให้ดีขึ้นด้วย” นายวิจิตรกล่าว
ขณะที่ นางประชุม ตันติประเสริฐสุข ประธานร่วมคณะกรรมการฝ่ายส่งเสริมการขาย สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) หรือ “ทิก้า” กล่าวว่า การส่งเสริมภูเก็ตให้เป็นไมซ์ซิตี้ต้องมองในเรื่องของความแปลกใหม่ด้วย โดยภูเก็ตเป็นเมืองน่าเที่ยวที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายอยู่แล้ว แต่ในการจัดประชุมสัมมนาโดยเฉพาะอินเซนทีฟจำเป็นต้องมีไอเดียแปลกๆ ใหม่ๆ ในการนำเสนอด้วย
“จากข้อมูลของทางจังหวัดทราบว่าขณะนี้กำลังจะมีศูนย์การค้าใหม่ๆ เกิดขึ้น ทำให้เกิดความคิดว่าน่าจะสามารถใช้เป็นพื้นที่พัฒนากิจกรรมในลักษณะ Team Building ได้เพื่อรองรับนักเดินทางที่ไม่ได้ต้องการชอปปิ้งเพียงอย่างเดียว อีกทั้งจังหวัดยังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและคมนาคมซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก จากอดีตที่กลุ่มประชุมองค์กรเข้ามาจัดงานได้แต่ในช่วงกรีนซีซันเพราะไฮซีซันราคาจะสูงมาก แต่ขณะนี้มีการลงทุนโรงแรมที่พักเพิ่มมากขึ้น มีเที่ยวบินให้บริการเพิ่มขึ้น ต่อไปตลาดจะเป็นของผู้ซื้อ ทำให้ผู้ซื้อมีทางเลือกมากขึ้น ทำให้นักเดินทางสามารถมาท่องเที่ยวและจัดการประชุมสัมมนาในจังหวัดภูเก็ตได้ตลอดทั้งปี” นางประชุมกล่าวในตอนท้าย