“สิงคโปร์” บุกหนักตลาดไมซ์ เตรียมผุดห้องพักอีก 12,000 ห้อง

การท่องเที่ยวสิงคโปร์จัดงาน “Singapore MICE 2015” โชว์ศักยภาพและโครงสร้างที่แข็งแกร่งของอุตสาหกรรม BTMICE เผยจำนวนคนเข้าร่วมไมซ์ 3.5 ล้านคนต่อปี มียอดใช้จ่ายโดยรวมมากกว่า 5 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ เตรียมแผนเพิ่มห้องพักอีก 12,000 ห้องใน 3 ปีนี้ จากเดิมมี 50,000 ห้อง

นางสาวเชอร์ลีน เซีย ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ ประจำประเทศไทยและประเทศพม่า เปิดเผยว่า ด้วยโครงสร้างพื้นฐานของประเทศสิงคโปร์ที่มีความพร้อมและศักยภาพในด้านการจัดงานอุตสาหกรรมไมซ์ที่แข็งแกร่ง ทำให้สิงคโปร์ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจและบริษัทเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีเครือข่ายพันธมิตรที่หลากหลาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จะช่วยให้การทำธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น รวมทั้งมีความสนุกสนานที่ได้รับจากการท่องเที่ยวในประเทศ

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมไมซ์ของสิงคโปร์ได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากตัวเลขของนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากทั่วโลกที่เดินทางมายังประเทศสิงคโปร์ เพื่อการร่วมประชุม (Meetings) การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Incentive) การประชุมระดับนานาชาติ (Conventions) และการร่วมชมงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ (Exhibitions) โดยมีตัวเลขประมาณการมากถึง 3.5 ล้านคนต่อปี และมียอดใช้จ่ายโดยรวมมากกว่า 5 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายของกลุ่มนักท่องเที่ยวเพื่อความบันเทิงหรือนักท่องเที่ยวทั่วไป และประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในห้าตลาดสำคัญของกลุ่มอุตสาหกรรมไมซ์ในสิงคโปร์อีกด้วย”

อุตสาหกรรมไมซ์เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศสิงคโปร์ ในปีที่ผ่านมาการท่องเที่ยวสิงคโปร์ได้รวบรวมผลการวิเคราะห์ที่มีต่อทางด้านเศรษฐกิจ (Economic Impact Analysis หรือ EIA) ระหว่างปี 2008-2012 ซึ่งพบว่าอุตสาหกรรมไมซ์ได้สร้างรายได้โดยรวมให้แก่ประเทศเป็นจำนวนมาก โดยในปี 2012 สามารถสร้างรายได้ประมาณ 3.7 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือคิดเป็นร้อยละ 1.1 ของค่าจีดีพีทั้งหมดในปี 2012 ซึ่งกลุ่มบริการด้านการจัดประชุม (Meetings) มีสัดส่วนสูงที่สุด

นอกจากนั้น อุตสาหกรรมไมซ์ยังได้สร้างโอกาสในการเพิ่มเครือข่ายทางธุรกิจ และทำให้สิงคโปร์กลายเป็นประเทศแห่งการแบ่งปันทักษะและความรู้แห่งภูมิภาคอีกด้วย

ขณะเดียวกัน จากผลการจัดอันดับโดย The Union of International Associations (UIA) ในปี 2013 สิงคโปร์ยังคงครองตำแหน่งผู้นำด้านการจัดประชุมชั้นแนวหน้าของภูมิภาค โดยได้รับการจัดอันดับเป็น Top International Meeting Country เป็นระยะเวลา 3 ปี และเป็น Top International Meeting City ติดต่อกันเป็นปีที่ 7 โดยมีการจัดประชุมที่ประเทศสิงคโปร์จำนวน 994 ครั้ง ที่ตรงตามเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ของ UIA

สำหรับในภูมิภาคเอเชีย ในปี 2013 สิงคโปร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็น Top Convention City จาก The International Congress and Convention Association (ICCA) เป็นปีที่ 12 โดยได้มีการจัดงานและอีเวนต์ตลอดทั้งปีรวมทั้งหมด 175 ครั้ง

ปัจจุบันสิงคโปร์มีความพร้อมในด้านสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการประชุมที่มีมาตรฐานระดับโลก สามารถตอบโจทย์ความต้องการในการจัดประชุมทางธุรกิจเกือบครบทุกรูปแบบ อีกทั้งมีการจัดงานแสดงและการประชุมระดับโลกจากกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายอย่างมากมาย

รวมถึงยังได้รับเกียรติให้เป็นสถานที่จัดการประชุมระดับโลกขึ้นเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย อย่าง ‘International Association for Philosophy and Literature’ ‘World Pulses Convention’และ ‘IFLA World Library and Information Congress’ ที่จัดขึ้นในปี 2013 ‘Global Department Store Summit’ ในปี 2014 รวมไปถึง ‘Executive MBA Annual Conference’ และ “Society for the History and Technology (SHOT) Conference ที่กำลังจะจัดขึ้นในปี 2015 นี้ด้วย

นางสาวเชอร์ลีนกล่าวว่า ปัจจุบันสิงคโปร์มีห้องพักกว่า 50,000 ห้อง โดยมีแผนพัฒนาห้องพักเพิ่มอีก 12,000 ห้องภายในปี 2018 ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและรองรับในการจัดกิจกรรมทางธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้นในอนาคต ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวก็จะมีโอกาสมากขึ้นในการเลือกห้องพักที่ตรงกับงบประมาณ ตั้งแต่โรงแรมบูติกขนาดเล็กไปจนถึงโรงแรมชั้นแนวหน้าสำหรับนักธุรกิจ

นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังมีกิจกรรมทางธุรกิจที่หลากหลาย สอดแทรกไปด้วยอีเวนต์และเทศกาลที่ตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ โดยในทุกๆ ปีจะมีอีเวนต์สำคัญที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Singapore Design Week ที่จัดขึ้นในเดือนมีนาคม TraveRav ในเดือนตุลาคม และ Singapore Media Festival ในเดือนธันวาคมของทุกปี หรือแม้กระทั่งอีเวนต์ขนาดใหญ่ เช่น CommunicAsia, BroadcastAsia, Food & Hotel Asia, Singapore Airshow, Offshore South East Asia (OSEA) ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยวในกลุ่ม BTMICE ทั้งระดับโลกและระดับภูมิภาค

นางสาวเชอร์ลีนกล่าวเพิ่มเติมว่า เรายังได้พบอีกว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีกิจกรรมที่น่าสนใจและได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ยกตัวอย่างเช่น จากความสำเร็จของกิจกรรมแรลลีระดับโลกที่มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 3,000 คน ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่านักท่องเที่ยวสามารถสนุกสนานไปกับเกาะเซนโตซาได้ตลอดทั้งวัน โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเข้าชมและใช้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Universal Studios Singaporeไปจนถึง S.E.A. Aquarium ก่อนจะไปสนุกสนานกับปาร์ตี้ชายหาดบนหาด Siloso

นอกจากนี้ กลุ่มนักท่องเที่ยวยังสามารถมองหาความรู้ใหม่ๆ ผ่านวัฒนธรรมและประเพณี เช่น Scavenger Hunts เกมตามล่าหาคำตอบอันน่าตื่นเต้น หรือการเดินชมย่านวัฒนธรรมและการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ Intan Peranakan อีกด้วย

จากโครงสร้างขั้นพื้นฐานภายในประเทศที่แข็งแกร่งผนวกกับความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยว ถือเป็นการตอกย้ำถึงความพร้อมของประเทศสิงคโปร์ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอุตสาหกรรมไมซ์และการเข้าร่วมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปีนี้ นอกจากนี้ อุตสาหกรรมไมซ์ยังถือเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญทางเศรษฐกิจและการผลักดันความร่วมมือของแต่ละประเทศในภูมิภาค โดยประเทศสิงคโปร์ยังเป็นจุดหมายหลักที่พร้อมต้อนรับกลุ่มนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยอีกด้วย