xs
xsm
sm
md
lg

สรุปผลถกหัวหน้าส่วนราชการ เดือน ก.ค. อุตสากรรมชงนายกฯ 3 ประเด็น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สรุปผลถกหัวหน้าส่วนราชการ เดือน ก.ค. อุตสากรรมชงนายกฯ กำหนดให้ปี 59 เป็นปีแห่งการเพิ่มผลผลิตภาพของประเทศโดยกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ สนับสนุนการผลิตและการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพเป็นอุตสาหกรรมใหม่ สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กครบวงจร

วันนี้ (29 ก.ค.) เว็บไซต์ Thaigov.go.th สำนักนายกรัฐมนตรีเผยแพร่ภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างเป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 4/2558 เมื่อ เวลา 09.00 น. ที่กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ โดยมีนายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการ ก.พ. ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมให้การต้อนรับ

สำหรับการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงฯ ครั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุมได้มีการนำเสนอประเด็นสำคัญ 4 เรื่อง คือ ภาพรวมเศรษฐกิจอุตสาหกรรม การดำเนินงานของอุตสาหกรรม การขอรับการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี และการบูรณาการ โดยเรื่องที่ขอรับการสนับสนุน มี 3 เรื่อง ประกอบด้วย 1) กำหนดให้ปี 2559 เป็นปีแห่งการเพิ่มผลผลิตภาพของประเทศโดยกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ 2) ขอให้สนับสนุนการผลิตและการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่นำผลผลิตทางการเกษตรมาแปรรูป และให้ภาครัฐรณรงค์กำหนดมาตรการจูงใจ เพื่อให้มีการใช้พลาสติกชีวภาพ 3) ขอให้สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กครบวงจร เพราะเป็นวัตถุดิบตั้งต้นของอุตสาหกรรมต่างๆ ส่วนการดำเนินงานบูรณาการร่วมมือจากหน่วยงานอื่น ได้แก่ เรื่องผังเมือง การพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ และการเพิ่มผลผลิตภาพภาคอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินภารกิจสำคัญตามนโยบายรัฐบาล อาทิ การลดอุปสรรคในการประกอบกิจการ การพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขาเพื่อสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เช่น อุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล อุตสาหกรรมสิ่งทอและแฟชั่น รวมทั้งสนับสนุนอุตสาหกรรมแห่งอนาคตให้เกิดขึ้น เช่น อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ อุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ ตลอดจนได้มีการเตรียมความพร้อมในการเปิด AEC

นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมยังมีกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี โดยจัดงานอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ของขวัญแด่แม่ ณ บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม ระหว่างวันที่ 3-23 สิงหาคม 2558 และงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรม Thailand Industry Expo 2015 ระหว่างวันที่ 22-27 กันยายน 2558 ณ อิมแพคชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นการเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีมีช่องทางจำหน่ายสินค้า และประชาชนสามารถซื้อสินค้าในราคาโรงงานและให้ผู้ผลิตพบผู้บริโภค เพื่อช่วยลดค่าครองชีพ

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมฯ นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า วันนี้ทุกส่วนราชการและกระทรวงต่างๆ ได้มีการรายงานความก้าวหน้าเกี่ยวกับการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและมติคณะรัฐมนตรี ให้ที่ประชุมรับทราบ ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีสั่งการทั้งหมด ซึ่งความก้าวหน้าเกี่ยวกับการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลนั้น ต้องการให้ทุกคนได้เรียนรู้และรับทราบว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการเรื่องใดไปแล้วบ้าง ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจและลดความขัดแย้งในประเทศ

นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ได้มีการสรุปแนวทางการในการปฏิบัติงานของกระทรวงอุตสาหกรรมตามนโยบายของรัฐบาล ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้นำมาขับเคลื่อนซึ่งการดำเนินการก็เป็นไปตามยุทธศาสาตร์ที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้มีการเน้นย้ำทุกหน่วยงานโดยเฉพาะในเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการภายในปี 2557-2559 รวมถึงการดำเนินงานระยะปานกลาง คือ 5 ปี ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และการดำเนินงานระยะยาว คือ 20 ปี ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้เดินหน้าตามแผนที่กำหนดไว้ดังกล่าว ในการที่จะทำให้ประเทศไทยมีอนาคตในวันข้างหน้าอีก 20 ปี

ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นคือการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และการสร้างความเข้มแข็งเพื่อให้ประเทศสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ซึ่งทุกกระทรวง ทบวง กรม ต้องร่วมมือและให้การสนับสนุนซึ่งกันและกัน โดยวันนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการหารือและขอความร่วมมือในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ เรื่องผังเมือง กฎหมาย การอำนวยความสะดวก มาตรการในเรื่องสิทธิประโยชน์ แนวทางการดำเนินการที่จะผลักดันให้เกิดเมืองอุตสาหกรรมในประเทศไทย ฯลฯ

โดยทุกอย่างต้องเดินไปตามแนวทางดังกล่าว เพราะประเทศไทยจะขับเคลื่อนหรือเดินหน้าโดยใช้ภาคการเกษตรเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะปัจจุบัน หนี้ภาคครัวเรือนสูงขึ้น ซึ่งเกิดจากการลงทุนและกู้เงินไปแล้วแต่การประกอบกิจการไม่ดีหรือไม่สามารถแข่งขันได้ ทำให้กลายเป็นสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ซึ่งปัญหาทั้งหมดนี้รัฐบาลได้นำมาแก้ไข โดยเฉพาะในเรื่องของหนี้ภาคครัวเรือนของเกษตรกร ที่มีถึงจำนวน 300,000 กว่าล้านบาท ขณะนี้รัฐบาลกำลังพิจารณาหาแนวทางในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือเพื่อให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าวหลุดพ้นจากปัญหาดังกล่าวได้

ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งกรณีที่เพาะปลูกไปแล้วได้รับความเสียหาย และกลุ่มที่เสียโอกาสเพราะไม่ได้ปลูก เพื่อรัฐบาลจะได้พิจารณาดูแลช่วยเหลือตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นไปอย่างทั่วถึงครอบคลุมทุกกลุ่ม พร้อมทั้งจะมีการจ้างงานในพื้นที่ เช่น โครงการขุดลอกคูคลอง ทำความสะอาด ปรับแต่งคันดิน หรือขุดบ่อน้ำ เป็นต้น โดยจะเริ่มดำเนินการในสัปดาห์หน้าทุกพื้นที่และทุกจังหวัด ขณะเดียวกันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะมีงบประมาณจำนวนหนึ่งในการสนับสนุนให้ประชาชนปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืชให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศและพื้นที่


กำลังโหลดความคิดเห็น