“กพช.” ไฟเขียวหลักเกณฑ์โครงสร้างค่าไฟใหม่ (ปี 58-60) ปรับเกณฑ์คุมเข้มใช้ไฟฟรีไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนให้ผู้มีรายได้น้อยจริง โดยตัดสิทธิ์ 2 กลุ่มหลักรวม 9.6 แสนราย คิดเป็นเงินประหยัดได้ 1,500 ล้านบาทต่อปี พร้อมยกเลิกสิทธิพิเศษการขายน้ำมันเตาที่ ปตท.ผูกขาดให้ กฟผ.ต้องซื้อเพียงเจ้าเดียว พร้อมอนุมัติลงทุนท่อไปเหนือ-อีสาน วงเงิน 6.4 หมื่นล้านบาท
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเมื่อ 13 ส.ค.ว่า กพช.ได้เห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าปี 2558 ใหม่ที่จะใช้ตั้งแต่ปี 2558-60 ตามที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เสนอเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและสร้างความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภค โดยแนวทางดังกล่าวจะมีการทบทวนหลักเกณฑ์การช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่มีรายได้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนใหม่เพื่อให้มาตรการนี้เป็นการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง ซึ่งจะทำให้รัฐประหยัดงบประมาณ 1,500 ล้านบาทต่อปี
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า กกพ.ได้พิจารณาทบทวนเกณฑ์การใช้ไฟฟรีใหม่เพื่อให้มีความรัดกุมมากขึ้นใน 2 กลุ่มหลักได้แก่ 1. กลุ่มนิติบุคคลที่เป็นหมู่บ้านจัดสรรซึ่งพบว่ากลุ่มนี้ไม่มีการใช้ไฟจริงแต่อย่างใดจึงตัดสิทธิ์กลุ่มนี้ประมาณ 2 แสนราย คิดเป็นเงินที่ประหยัด 110 ล้านบาทต่อปี และ 2. กลุ่มผู้ใช้ไฟไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนไม่ติดต่อกัน 3 เดือน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีบ้านหลังที่ 2 อีก 9.4 แสนราย คิดเป็นเงินที่ประหยัด 1,400 ล้านบาทต่อปี โดยเกณฑ์ดังกล่าวจะเริ่มใช้ตั้งแต่ ม.ค. 2559 ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ใช้ไฟฟรีไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน 4.1 ล้านราย คิดเป็นเงินที่รัฐอุดหนุน 3,500-3,600 ล้านบาทต่อปี
นายคุรุจิต นาครทรรพ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กพช.ได้เห็นชอบยกเลิกสิทธิพิเศษในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จำนวนตั้งแต่ 10,000 ลิตรขึ้นไประหว่าง บมจ.ปตท. กับ กฟผ. เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการจัดหาเชื้อเพลิงของ กฟผ. และสอดคล้องกับหลักการภายใต้ พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พร้อมกันนี้ยังเห็นชอบแนวทางการขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 เส้นทาง รวมเงินลงทุน 64,768 ล้านบาท โดยให้ผู้ประกอบการรายเดิม หรือผู้ค้าน้ำมันหรือเอกชนรายอื่นเป็นผู้พัฒนาโครงการซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งน้ำมันทางรถ
