ASTVผู้จัดการรายวัน- “ฟ็อกซ์” ลั่นไม่ร่วมประมูลพรีเมียร์ลีกสู้คนไทย หลังได้บุนเดสลีกาแบบรีจีนัลในเอเชีย ฟันธงราคา EPL รอบนี้มีสิทธิ์ถูกลงกว่าครั้งก่อนแน่ พร้อมกางแผนลุยซื้อคอนเทนต์กีฬาโลคัลเป็นหลัก มั่นใจต่อยอดขายโฆษณาได้หลายเท่าตัว ดันรายได้ “ฟ็อกซ์ ไทย” ปีนี้โต 15%
ม.ร.ว.รุจยารักษ์ อาภากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฟ็อกซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล แชนแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ฟ็อกซ์” ถือเป็นคอนเทนต์โพรวายเดอร์ที่มีจำนวนช่องมากมาย เข้าถึงผู้คนทั่วโลกกว่า 300 ล้านคน เฉพาะในเอเชียมีกว่า 27 ช่องที่ออกอากาศ โดยมีออฟฟิศเชียลในเอเชียถึง 14 ประเทศ แผนการดำเนินงานของ “ฟ็อกซ์” จึงจะเน้นสร้างและซื้อคอนเทนต์มากขึ้น โดยเฉพาะคอนเทนต์ท้องถิ่น เพื่อต่อยอดการหารายได้โฆษณาในรูปแบบรีจีนัลได้ง่ายขึ้น
“ฟ็อกซ์” พร้อมที่จะลงทุนในเอเชียมากขึ้น จากเดิมที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟแชนเนลจะเปลี่ยนเป็นนอน-เอ็กซ์คลูซีฟเพื่อให้เข้าถึงผู้ชมในทุกแพลตฟอร์ม เนื่องจากมองว่าในภูมิภาคนี้เพย์ทีวีเติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะโตได้ 6-7% ส่วนสำคัญมาจาก 1. เทคโนโลยี คนดูผ่านทีวีน้อยลง แต่ดูในช่องทางอื่นมากขึ้นแทน เช่น ออนไลน์ เป็นต้น 2. ช่องทีวีเกิดขึ้นมากและคอนเทนต์คือหัวใจหลัก
“ปัจจุบันฟ็อกซ์ถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่มีคอนเทนต์มากมาย ทั้งเอนเตอร์เทนเมนต์ ข่าว และกีฬา ซึ่งมีทั้งผลิตเองและซื้อลิขสิทธิ์มา โดยเฉพาะคอนเทนต์การแข่งขันรายการกีฬาดังระดับโลกส่วนใหญ่จะอยู่ที่ฟ็อกซ์เกือบหมด ไม่ว่าจะเป็น ฟอร์มูล่าวัน, GP, UFC, เทนนิส และกอล์ฟ รวมถึงล่าสุดกับฟุตบอลบุนเดสลีกา รวมแล้วมีคอนเทนต์กีฬาไม่ต่ำกว่า 12 รายการ และเพิ่มเข้ามาอีก 2-3 รายการ เช่น ยูโร สปอร์ต เป็นต้น จึงพร้อมปรับแผนเป็นพันธมิตรกับทุกแพลตฟอร์ม”
อย่างไรก็ตาม “ฟ็อกซ์” เพิ่งได้สิทธิ์ในการเป็นเจ้าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลบุนเดสลีกา แบบ 5+5 เริ่มตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไป โดยลิขสิทธิ์ที่ได้มาจะเป็นแบบออลไรต์และครอบคลุมในภูมิภาคนี้ทั้งหมด โดยในไทยได้ร่วมกับทาง “ช่อง PPTV HD” ร่วมถ่ายทอดสดครบ 102 แมตช์ตลอดฤดูกาล
“การมีฟุตบอลบุนเดสลีกาอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องประมูลพรีเมียร์ลีกเข้ามาเพิ่ม ซึ่งหากฟ็อกซ์สนใจอาจจะเป็นการบิดในรีเจนต์อื่นๆ แทน ไม่ใช่ในไทยแน่นอน เพราะราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ปีนี้เชื่อว่าราคาอาจจะลดลงจากครั้งก่อนเพราะเหลือผู้ที่สนใจเข้าร่วมประมูลไม่กี่ราย ซึ่งฟ็อกซ์ให้ความสนใจเข้าร่วมประมูลในกลุ่มโลคัลคอนเทนต์กีฬาในไทยมากกว่า เช่น ไทยพรีเมียร์ลีก เป็นต้น เพราะเป็นคอนเทนต์ที่มีศักยภาพต่อยอดรายได้ได้ดีกว่า”
ม.ร.วรุจยารักษ์กล่าวต่อว่า สำหรับฟ็อกซ์ในประเทศไทยมีอยู่ 6-7 ช่องที่ออกอากาศและสามารถรับชมได้ในแพลตฟอร์มต่างๆ ได้แก่ ช่องฟ็อกซ์ ไทย, ฟ็อกซ์ มูฟวี่ พรีเมียม, สตาร์ เวิลด์, ฟ็อกซ์ สปอรต์ 3 และแชนแนล วี เป็นต้น รวมถึงอีก 2 ช่อง คือ ฟ็อกซ์ สปอร์ต 1 และ VHD ที่ขายโฆษณาในลักษณะรีจีนัล ทั้งจากไทยไปทั่วเอเชีย หรือจากเอเชียมาไทย
แผนการดำเนินงานของ “ฟ็อกซ์ ไทย” จะเน้นจับมือกับพันธมิตรทุกแพลตฟอร์มในการนำเสนอคอนเทนต์ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งฟรีทีวี ทีวีดิจิตอล เช่น ช่อง 3 SD, ช่อง 3 แฟมิลี่ และเพย์ทีวี ทั้งทรูวิชั่นส์, ซีทีเอช และจีเอ็มเอ็ม แซท ต่างเป็นพันธมิตรที่มีการเจรจาพูดคุยกันอยู่ตลอด ส่งผลให้มั่นใจว่าถึงสิ้นปีนี้ฟ็อกซ์ไทยจะมีอัตราการเติบโตได้ถึง 10-15% มาจาก 3 ส่วนหลัก คือ 1. เพย์ทีวี 60-70% 2. ซินดิเคท ซับไลเซนส์ ให้แพลตฟอร์มอื่น 20% และ 3. การหารายได้จากโฆษณาทั้งแบบรีจีนัลและโลคัลรวมกัน 10% โดยในส่วนการขายโฆษณาในปีนี้พบว่าเติบโตขึ้นกว่า 70-80% เมื่อเทียบกับปีก่อน
“ฟ็อกซ์ ไทย ถือเป็นกลุ่มท็อป 10 ที่ทำรายได้สูงสุดในเอเชีย ขณะที่ท็อป 4 ประกอบด้วย ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และญี่ปุ่น ซึ่งหลังจากนี้ฟ็อกซ์ ไทย ตั้งเป้าที่จะติดท็อป 5 ให้ได้” ม.ร.วรุจยารักษ์กล่าวในที่สุด