“ซีพีเอฟ” ให้ความสำคัญการดูแลบุคลากรทุกระดับด้วยความเสมอภาคและเท่าเทียมทั้งลูกจ้างคนไทยและต่างชาติ ยึดหลักบริหารแรงงานมาตรฐานสากลตามหลักสิทธิมนุษยชนและต่อต้านการค้ามนุษย์และแรงงานทาส เพื่อให้มั่นใจว่าแรงงานต่างชาติทุกคนได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมแรงงานไทย
นายปรีชา ธนสุกาญจน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านนโยบายและงานทรัพยากรบุคคลมาตรฐานโลก ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟได้กำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารแรงงาน ได้แก่ นโยบายด้านสิทธิมนุษยชน นโยบายการจ้างงานและการบริหารแรงงาน นโยบายการจ้างแรงงานต่างชาติ นโยบายการบริหารความหลากหลายและยอมรับความแตกต่าง (Diversity and Inclusion) นโยบายเรื่องการเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิด ซึ่งนโยบายต่างๆ ดังกล่าวได้ยึดถือตามแนวทางปฏิญญาสากล ว่าด้วย สิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ และปฏิญญาว่าด้วยหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทจะจ้างแรงงานต่างชาติเป็นลูกจ้างโดยตรงเท่านั้น รวมถึงการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจ้างงานที่เกิดขึ้นในประเทศต้นทางและประเทศไทยให้แก่ลูกจ้าง เช่น ค่าธรรมเนียมวีซ่า ค่าเปลี่ยนประเภทวีซ่า ค่าใบอนุญาตทำงาน ค่าต่อวีซ่า ค่าตรวจร่างกาย (ในประเทศไทย) และค่าเดินทางจากชายแดนถึงสถานที่ปฏิบัติงาน เป็นต้น ในเรื่องค่าตอบแทนและสวัสดิการนั้น แรงงานต่างชาติที่เป็นลูกจ้างโดยตรงของบริษัทจะได้รับค่าตอบแทนและสวัสดิการต่างๆ เท่ากับแรงงานไทยที่อยู่ในระดับงานเดียวกันอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม
ด้าน นายสว่าง สุขศรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านบริหารทรัพยากรบุคคล ซีพีเอฟ กล่าวว่า ปัจจุบันแรงงานต่างชาติของบริษัทเป็นการจ้างตรงเท่านั้น เพื่อให้สามารถบริหารจัดการแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลักสิทธิมนุษยชน ปัจจุบันซีพีเอฟมีแรงงานต่างชาติประมาณ 5,000 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานชาวกัมพูชาจำนวน 4,100 คน และอีก 900 คนเป็นชาวพม่า ซึ่งกระจายไปตามโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ แปรรูปสุกร และแปรรูปสัตว์น้ำ ทุกคนจะได้รับการดูแลอย่างเป็นธรรมเทียบเท่าแรงงานคนไทยทุกประการ เช่น การรับค่าจ้างไม่น้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย, ค่าทักษะฝีมือแรงงาน, การปรับค่าจ้างประจำปี, บริการรถรับส่งฟรี, การประกันอุบัติเหตุ รวมไปถึงสวัสดิการที่เป็นไปตามกฎหมาย เช่น ประกันสังคม กองทุนเงินทดแทน นอกจากนี้ยังช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการสมัครงานตั้งแต่ต้นทาง
นายสว่างกล่าวต่ออีกว่า การว่าจ้างแรงงานต่างชาติโดยตรงได้ช่วยให้บริษัทสามารถดูแลและยกระดับฝีมือและคุณภาพชีวิตแรงงานต่างชาติทุกคนได้อย่างเต็มที่เหมือนกับพนักงานคนไทย บริษัทเปิดโอกาสให้แรงงานต่างชาติได้รับการพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อเลื่อนระดับงานให้สูงขึ้น และมีการปรับอัตราค่าจ้างเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ ในแง่คุณภาพชีวิต บริษัทมีทีมแรงงานสัมพันธ์คอยดูแลแรงงานต่างชาติอย่างใกล้ชิด ซึ่งจากการสำรวจแรงงานต่างชาติมีความพึงพอใจในการร่วมงานกับบริษัท และมีแรงงานต่างชาติอีกจำนวนมากแจ้งความประสงค์ที่จะเข้ามาร่วมงานกับซีพีเอฟ
“จากนโยบายของซีพีเอฟที่ผ่านมา โดยเฉพาะนโยบายการจ้างแรงงานต่างชาติเป็นพนักงานของบริษัทโดยตรงทำให้มั่นใจในเรื่องของการบริหารแรงงานว่า บริษัทจะปราศจากปัญหาเกี่ยวกับเรื่องแรงงานบังคับได้ 100% และตามนโยบายการจัดหาอย่างยั่งยืน บริษัทพร้อมส่งมอบมาตรฐานการจ้างแรงงานต่างชาติไปยังคู่ค้าของบริษัท เพื่อช่วยกันยกระดับมาตรฐานด้านแรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล” นายปรีชากล่าว
ซีพีเอฟตระหนักและให้ความสำคัญต่อการยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการแรงงาน นอกเหนือจากการกำหนดนโยบายดังกล่าวแล้ว ยังนำระบบการจัดการมาตรฐานแรงงานไทย (มรท.8001) มาประยุกต์ใช้ในโรงงานของซีพีเอฟ และส่งมอบนโยบายด้านการจัดหาอย่างยั่งยืนให้แก่คู่ค้าทางธุรกิจด้วย นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้สร้างมาตรฐานการยอมรับในเรื่องความแตกต่างให้เป็นแนวทางปฏิบัติร่วมกันทั้งองค์กร โดยไม่คำนึงถึงเรื่องสีผิว เชื้อชาติ หรือศาสนา โดยสายงานทรัพยากรบุคคลได้เข้าไปทำกิจกรรมรณรงค์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างแรงงานต่างเชื้อชาติ ยกตัวอย่างเช่น การจัดกิจกรรมสานสัมพันธ์ระหว่างแรงงานพม่า และแรงงานไทย รวมถึงแรงงานชาติอื่นๆ อย่างลาว และกัมพูชา เป็นต้น
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังเปิดหลักสูตรอบรมภาษา อย่างเช่น ผู้บริหารของโรงงานจะต้องเข้าอบรมภาษาพม่าเพื่อสามารถสื่อสารกับผู้ใต้บังคับบัญชาได้ ในทางกลับกันก็มีการเปิดหลักสูตรสอนภาษาไทยแก่กลุ่มแรงงานต่างชาติ เพื่อสร้างการปฏิบัติที่เป็นธรรมและเสมอภาคต่อกัน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้แรงงานต่างชาติมีตัวแทนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการสวัสดิการของบริษัทอีกด้วย