ETDA เชิญกูรูจากนานาชาติ พร้อมผู้แทนหน่วยงานรัฐ-เอกชน เปิดการประชุม ETDA High-Level Roundtable หัวข้อ “Digital Economy for Our Future” แลกเปลี่ยนแนวคิด ความคิดเห็นเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอลไทยสู่อนาคตอย่างเป็นรูปธรรม และยั่งยืน โดยการประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และ Keynote Speaker ในการเปิดงาน
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในฐานะผู้ดูแลนโยบายเศรษฐกิจของประเทศไทย ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นการประชุมร่วมกันของผู้ทรงคุณวุฒิทั้งของประเทศไทย และผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรธุรกิจ และหน่วยงานระดับนานาชาติ จากอังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อแนะแนวทางให้การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอลของประเทศไทยสามารถต่อยอดเพื่อเดินหน้าสู่อนาคตได้อย่างเต็มรูปแบบ และเป็นรูปธรรม
“ปัจจุบันเราอยู่ในยุคของดิจิตอล ยุคของสิ่งที่เรียกว่า “อินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง” ดังนั้น การเข้าสู่การตลาดแบบดิจิตอล (Digital Market) จึงเป็นสิ่งที่ประเทศไทยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และในการปรับโฉมประเทศเพื่อก้าวเข้าสู่ “เศรษฐกิจดิจิตอล” ความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในการทำงานจะต้องเข้มแข็งและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ประสบการณ์จากภาคเอกชนจะมีส่วนช่วยในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้มีความพร้อมกับการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้ ในขณะที่ภาครัฐควรทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) ให้การดำเนินงานรุดหน้ารวดเร็วยิ่งขึ้น คำที่ถือว่ามีความสำคัญที่สุดต่อความสำเร็จในเวลานี้คือ 'ความร่วมมือ' ที่จะทำให้ประเทศสามารถเดินหน้าสู่อนาคตที่คาดหวังไว้ได้อย่างมั่นคง”
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากความสำเร็จในเชิงเศรษฐกิจแล้ว การพัฒนา และการนำเทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามาใช้งานยังต้องคำนึงถึงการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีและการสื่อสาร เพื่อลดช่องว่างดิจิตอล (Digital Divide) และเตรียมการรองรับเพื่อลดการเกิดปัญหาดังกล่าว
นางสุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กล่าวว่า เวทีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในครั้งนี้เปรียบได้กับ 'Think Tank' ที่มีผู้เชี่ยวชาญจากทั้งในประเทศและต่างประเทศมาสื่อสารและแลกเปลี่ยนความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจถึงภาพการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอลของไทยในองค์รวม
“ถึงเวลาที่เราจะต้องดำเนินการสร้างฐานการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างจริงจัง และเป็นรูปธรรม ถึงเวลาที่เราต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และคุ้มค่ามากที่สุด เพื่ออนาคตของประเทศ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและยกระดับสังคมของประเทศอย่างแท้จริง”
ในการประชุมปฏิบัติการเชิงนโยบายครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานชั้นนำจากต่างประเทศได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้วางนโยบายระดับประเทศจากภาครัฐและเอกชนของประเทศ ทั้งจากภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคม การเงินการธนาคาร สื่อดิจิตอล รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแล (Regulator) เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นต้น
นางสาวอันเดรีย มิลวูด ฮาร์เกรฟ ผู้อำนวยการทั่วไปจากสถาบันการสื่อสารระหว่างประเทศ International Institute of Communication หรือ IIC ประเทศอังกฤษ ได้เสนอต่อที่ประชุมนำเสนอประเด็นท้าทายและจำเป็นสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอล คือการให้ความสำคัญในประเด็นทั้ง Cybersecurity, Privacy, Consumer Protection, Citizen Empowerment และการลงทุน
ขณะเดียวกัน นางสาวแอน ลาวิน ผู้อำนวยการ ส่วนงาน Public Policy และ Government Affairs ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเกรทเทอร์ ไชน่า บริษัทกูเกิล เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า การใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อการพัฒนาไม่จำเป็นที่จะต้องเป็น Big Data เสมอไป หากแต่ขึ้นอยู่กับการนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ หรือด้านการเกษตร สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ การพัฒนาให้เกิดนวัตกรรม (Innovation) จากประโยชน์ของการใช้ข้อมูลที่มีอยู่บนโลกออนไลน์ให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ นางเนริดา โอโลห์ลิน รองเลขานุการ Department of Communication, Australian Government ประเทศออสเตรเลีย ชี้ให้เห็นถึงประเด็นการพัฒนาทักษะด้าน Soft Skills (ทักษะหรือความชำนาญที่เกี่ยวกับความฉลาดทางอารมณ์ และทักษะจำเป็นอย่างอื่นนอกเหนือจากทักษะทางวิชาการ) และ STEM (องค์ความรู้ที่บูรณาการศาสตร์ด้านวิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) เข้าด้วยกันในการดำเนินชีวิตและการทำงาน) ในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอล และยกตัวอย่างความสำเร็จของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งภาครัฐให้ความสำคัญในการลงทุนเกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิตอล โดยได้ใช้เงิน 254.7 ล้านเหรียญออสเตรเลียในช่วงเวลา 4 ปี เพื่อพัฒนาบริการภาครัฐที่มุ่งการพัฒนาร่วมกันระหว่างรัฐกับเอกชน
นายเจเรมี โอลิเวียร์ หัวหน้าส่วนมัลติมีเดีย Office of Communication (Ofcom) ประเทศอังกฤษ ได้ชี้ถึงประเด็นการเกิดขึ้นของ “Digital Single Market” ในกลุ่มประเทศ EU ว่า สิ่งสำคัญคือ การพัฒนา Telecommunication การสร้าง Harmonization ในตลาด EU และการลดอุปสรรค (Barrier) ทางการค้าระหว่างประเทศ โดยในอุตสาหกรรมด้าน Telecommunication นั้นควรเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กสามารถเข้ามาแข่งขันในตลาดได้
นายทอม เพนท์ฟอนทัส รองประธานด้านบรอดคาสติ้ง จาก Canadian Radio-television and Telecommunications Commission (CRTC) ประเทศแคนาดา กล่าวว่า ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจำเป็นต้องพิจารณาผลตอบแทนการลงทุน พร้อมๆ กับการเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้
พร้อมกันนี้ ผู้บริหารระดับสูงจากภาคเอกชนต่างๆ ของประเทศไทยได้แสดงความคิดเห็นไปในแนวทางเดียวกันว่า การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอลจำเป็นต้องดูบริบทของประเทศไทย รวมทั้งต้องเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนได้ทำความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจดิจิตอลด้วย การผลักดันจำเป็นต้องเกิดจากทุกฝ่ายไม่ใช่แค่เพียงการผลักดันจากภาครัฐ และภาคเอกชนเพียงเท่านั้น