สสส. จัดเวทีสานพลังสร้างสุขภาวะเด็กปฐมวัย ชี้ โอกาสทองสร้างคุณภาพคน ต้องปูคุณภาพ ช่วง 0-5 ปีแรก เผยสถานการณ์เด็กไทยน่าห่วง IQ - EQ ลดความเหลื่อมล้ำเขตเมือง ชนบทสูง ทำเด็กไอคิวต่ำ แนะเชื่อมโยง 3 ระบบหลักบริการสุขภาพ-จัดการการเรียนรู้-บริหารพื้นที่ ลดช่องวางและความเหลื่อมล้ำ
วันนี้ (22 ส.ค.) ที่โรงแรมเซนทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดการประชุม “สานพลังร่วมสร้างสุขภาวะเด็กปฐมวัย: ปฐมวัย...คุณภาพที่สร้างได้” โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานจากภาครัฐด้านนโยบาย ท้องถิ่น ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ ครู อาจารย์ นักการศึกษา ผู้ปกครอง กว่า 1,500 คน เข้าร่วมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อพัฒนาแนวทางการทำงานสร้างเสริมสุขภาวะของเด็กปฐมวัยให้มีความยั่งยืนต่อไป
ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวในพิธีเปิดการประชุมว่า การวางยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาให้ประชากรมีคุณภาพจำเป็นต้องเริ่มตั้งแต่การตั้งครรภ์ และพัฒนาให้สมช่วงวัยตลอดทุกช่วงอายุ ทั้งปฐมวัย วัยเรียน วัยทำงาน ผู้สูงอายุ การสร้างรากฐานชีวิต จึงต้องเริ่มตั้งแต่เด็กปฐมวัย คือ ตั้งแต่แรกเกิด - 5 ปี ถือเป็นช่วงเวลาทองที่พัฒนาการมนุษย์ถูกสร้างและพัฒนาอย่างรวดเร็ว หากพลาดในช่วงนี้ไปก็จะไม่สามารถเรียกกลับคืนมาและส่งผลกระทบต่อคุณภาพของชีวิตที่เหลือ การลงทุนในช่วงอายุ 0-5 ปี จะได้รับผลตอบแทนสูงสุดเมื่อเทียบกับช่วงวัยอื่นและจะได้ผลตอบแทนคืนกลับมาอีก 7 เท่า จากการมีทักษะที่ดีขึ้น ผลการเรียนที่ดีขึ้น รายได้ที่สูงขึ้น การเจ็บป่วยที่ลดลง ค่าใช้จ่ายด้านสังคมสงเคราะห์ และอาชญากรรมที่ลดลง
ทพ.กฤษดา กล่าวต่อว่า สถานการณ์คุณภาพเด็กปฐมวัยของไทย มีแนวโน้มลดลงในทุกด้าน จากการสำรวจของกรมอนามัย ปี 2557 เด็กมีพัฒนาการไม่สมวัยถึงร้อยละ 27.5 ด้านผลการสำรวจสถานการณ์ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ลดลงจากเฉลี่ย 45.12 จุดในปี 2554 เหลือเฉลี่ย 44.21 จุด ในปี 2557 ส่วนสติปัญญา(IQ) ลดลงจากเฉลี่ย 98.59 จุดในปี 2554 เหลือเฉลี่ย 93.1 จุด ในปี 2557 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กที่อาศัยอยู่ในนอกเขตเมือง มี IQ เฉลี่ย 89.18 จุด ขณะที่เด็กในเขตเมืองมี IQ เฉลี่ยเท่ากับ 100.33 จุด แสดงให้เห็นถึงช่องว่างในการรับบริการและการดูแลเด็กปฐมวัยระหว่างเด็กไทยเขตเมืองและเขตชนบท ซึ่งมีหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้ เช่น แม่วัยรุ่น ภาวะโภชนาการ ปัญหาสุขภาพ การได้รับธาตุเหล็กและไอโอดีน การได้รับนมมารดา การอบรมเลี้ยงดูของครอบครัวและสิ่งแวดล้อม และความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการต่าง ๆ ของรัฐ ทั้งที่ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างมาก ดังตัวอย่างเช่นการที่รัฐบาลสนับสนุนเงินเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในครอบครัวที่ยากจน คนละ 400 บาทต่อเดือน
"การดูแลเด็กปฐมวัยก็ยังคงมีช่องว่างอยู่มาก ส่วนหนึ่งเพราะมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกัน โดยมีกระทรวงที่เกี่ยวข้องถึง 5 กระทรวง ซึ่งจำเป็นต้องทำงานให้เชื่อมโยงและประสานกันอย่างใกล้ชิด แต่ที่ผ่านมายังมีอุปสรรคในการประสานงานกัน สสส.จึงได้เข้ามามีบทบาทในการเชื่อมโยงการทำงานที่เป็นช่องว่าง และรอยต่อเหล่านี้ โดยเข้ามาสนับสนุนการทำงานวิชาการ การสร้างโครงการนำร่องที่สามารถเชื่อมโยงการทำงานการประสานให้เกิดเวทีการเรียนรู้และความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน รวมทั้งการทำให้งานเหล่านี้ลงสู่พื้นที่ปฏิบัติการจริง เพื่อให้เกิดผลในการพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างแท้จริง" ผู้จัดการ สสส. กล่าว
นางเพ็ญพรรณ จิตตะเสนีย์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. กล่าวว่า สสส. โดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว ให้ความสำคัญกับการสร้างเสริมสุขภาวะเด็กปฐมวัย ภายใต้กรอบแนวคิดการพัฒนาอนาคตเด็กไทย (แรกเกิด - 5 ปี) โดยลดช่องว่างของระบบและกลไกที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย 3 ระบบ ได้แก่ ระบบบริการสุขภาพ ระบบการจัดการเรียนรู้ และระบบการบริหารจัดการระดับพื้นที่ในทุกระดับ ตั้งแต่ ชุมชน ท้องถิ่น อำเภอ จังหวัด จนถึงระดับชาติ ให้ทำงานเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมและเกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน และขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ “การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต” ของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพของคน ตั้งแต่ปฐมวัย เด็ก เยาวชน และผู้สูงอายุ เพื่อให้คนไทย มีความพร้อมทั้งร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง มีสติปัญญาที่รอบรู้ และมีจิตใจที่สำนึกคุณธรรม จริยธรรม มีความเพียร มีภูมิคุ้มกันต่อความเปลี่ยนแปลง
“การประชุมครั้งนี้ สสส. และภาคีเครือข่าย มุ่งหวังให้เกิดผลลัพธ์ในการทำงานดังนี้ 1.สร้างและขยายเครือข่ายชุมชนท้องถิ่น บุคลากรด้านการศึกษา บุคลากรด้านสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาคุณภาพเด็กปฐมวัย 2.สร้างความตระหนักการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการพัฒนาคุณภาพเด็กปฐมวัย 3.นำเสนอบทบาทและวิธีการดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัยที่หลากหลาย และเป็นรูปธรรม และ4.สื่อสารให้สาธารณชนและสังคมมีความเข้าใจถึงความสำคัญของการพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อให้เด็กไทยได้รับการพัฒนาและเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ” นางเพ็ญพรรณ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่