ASTVผู้จัดการรายวัน - “นีลเส็น” อัดเม็ดเงินร่วม 100 ล้านบาท เพิ่มศักยภาพการวัดเรตติ้ง 2 โปรเจกต์ใหญ่ ทั้งเพิ่มกลุ่มตัวอย่างอีก 400 ครัวเรือน และเพิ่มการวัดเรตติ้งผ่านมัลติสกรีน พร้อมเดินหน้าสมบูรณ์ในปีหน้า มั่นใจครอบคลุมการเกิดช่องทีวีใหม่และวิเคราtห์ได้เจาะลึกมากขึ้น
นายสินธุ์ เภตรารัตน์ กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจมีเดีย บริษัท นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตามแผนการพัฒนาการวัดเรตติ้งของบริษัทฯ เมื่อปี 2557 จึงได้เริ่มขยายเพิ่มกลุ่มตัวอย่างในปี 2558 จากเดิม 1,800 ครัวเรือน หรือประมาณ 6,300 คน เป็น 2,200 ครัวเรือน หรือประมาณ 7,700 คน เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนช่องทีวีที่เพิ่มขึ้นและตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรม โดยจะเริ่มนำมาใช้ตั้งแต่เดือน ก.ค.58 เป็นต้นไป
กลุ่มตัวอย่างใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาอีก 400 ครัวเรือนนั้น ประกอบด้วย กลุ่มที่ชมผ่านกล่องทีวีดิจิตอล 200 ครัวเรือน และผ่านเคเบิล 200 ครัวเรือน โดยในปี 2559 จะเพิ่มกลุ่มตัวอย่างเข้ามาอีก 200 ครัวเรือน หรือมีกลุ่มตัวอย่างอยู่ที่ 2,400 ครัวเรือน เพื่อช่วยให้ตัวเลขเรตติ้งใหม่ที่เกิดขึ้นมีความผิดพลาดในการวิเคราะห์ข้อมูลจากความเป็นจริงลดลงถึง 10% และจะทำให้ข้อมูลมีความเสถียรมากขึ้น โดยเอเจนซี่จะได้รับประโยชน์ในการนำข้อมูลมาเจาะลึกได้ดียิ่งขึ้น ส่วนทางสถานีโทรทัศน์จากเดิมที่การรายงานเรตติ้งอาจจะทำได้เพียง 50 รายการ จะเพิ่มขึ้นมาอีก 10 รายการ ถือเป็นกลุ่มรายการใหม่ที่ทางสถานีจะนำไปหารายได้เพิ่มขึ้นจากเดิม
“การลงทุนเพิ่มกลุ่มตัวอย่างใหม่ในครั้งนี้ เมื่อรวมกับการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น กล่องวัดเรตติ้ง ค่าแรง ค่าอินเซนทีฟ ซอฟต์แวร์ และอื่นๆ รวมแล้วน่าจะใช้งบลงทุนใกล้เคียงที่ตัวเลข 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนที่ทางบริษัทฯ และสถานีโทรทัศน์พร้อมให้การสนับสนุน โดยการให้บริการกับเอเจนซี่ยังคงราคาเดิม”
ทั้งนี้ จากการสำรวจระหว่างเดือน ก.ย.55- ส.ค.56 และ ก.ย.56-ส.ค.57 พบว่า แพลทฟอร์มการรับชมทีวี แบ่งออกเป็น ทีวีดาวเทียม 49% เสาก้างปลา 32% เคเบิล 11% และทรูวิชั่นส์ 8% และหลังจากที่เริ่มเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านมาทีวีดิจิตอลในช่วงเดือน ก.ย.56-ส.ค.57 พบว่าสัดส่วนดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไปเป็น ทีวีดาวเทียม 56% เสาก้างปลา 16% เคเบิล 10% กล่องทีวีดิจิตอล 10% และทรูวิชั่น 8% โดยมองว่ากลุ่มกล่องทีวีดิจิตอลในช่วงนั้นที่มีการแลกกล่องอยู่ที่ 50% แต่มีการติดตั้งใช้จริงเพียง 10% และอนาคตของการชมผ่านกล่องทีวีดิจิตอลที่คาดว่าจะมากขึ้นนั้นมาจากกลุ่มเสาก้างปลาและเคเบิลเป็นหลัก
นายสินธุ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันลูกค้าหลักของ “นีลเส็น” คือ ช่องทีวีทั้ง 24 ช่อง และเอเจนซี่ระดับท็อป 5 ซึ่งปัจจุบันยังคงนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้อยู่ แม้ว่า สมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย ได้ตั้งหน่วยงาน Media Research Bureau ขึ้นมาดูแลการวัดเรตติ้งทีวีดิจิตอล แต่ลูกค้าที่ยังใช้บริการกับ “นีลเส็น” ไม่ได้ลดลง
หากมีบริษัทวัดเรตติ้งขึ้นมาถึง 2 รายก็จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลูกค้าว่าจะเลือกใช้ข้อมูลจากทางใด โดยก่อนหน้านี้ตนเคยให้สัมภาษณ์แล้วว่า สาเหตุที่ “นีลเส็น” ไม่เข้าร่วมประมูลวัดเรตติ้งทีวีดิจิตอล เนื่องจากได้เวลาในการตัดสินใจน้อยมาก ทั้งยังไม่มีขอบเขตข้อมูลทั้งหมดของการวัดเรตติ้ง ประกอบกับ “นีลเส็น” ได้ลงทุนด้านการวัดเรตติ้งไปสูงมากแล้วตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จึงต้องดูแลและสร้างรายได้จากสิ่งที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนครั้งที่ 5 เพื่อให้ครอบคลุมช่องทีวีที่เกิดขึ้น
ด้าน นางสาวสมวลี ลิมป์รัชตามร ผู้อำนวยการบริหาร ธุรกิจมีเดีย บริษัท นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้พัฒนารูปแบบการวัดเรตติ้งในกลุ่มมัลติสกรีนซึ่งกำลังอยู่ในช่วงทดลองระบบ เริ่มจากกลุ่มผู้ใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือและแท็ปเลต จำนวน 1,500 เครื่อง และจะเพิ่มเป็น 3,000 เครื่อง หลังจากนั้นจะเพิ่มการวัดเรตติ้งในจอพีซีและทีวี รวมเป็น 4 สกรีนสำคัญที่จะอยู่ในการวัดเรตติ้งมัลติสกรีนครั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มนำมาใช้วัดเรตติ้งได้จริงตั้งแต่ต้นปี 2559 เป็นต้นไป ภายใต้ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย