TDRI ออกโรงเตือนรัฐบาลอีกระลอก เหตุอีก 10 ปีข้างหน้าหรือปี 2568ไทยจะเป็นประเทศกำลังพัฒนาแรกสุดที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในภูมิภาคเอเชีย ซ้ำยังเป็นคนแก่ก่อนรวย ต่างจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่รวยก่อนแก่
นายสมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI เปิดเผยในงานสัมมนา EGAT R&D Forum 2015 ซึ่งจัดโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) วันที่ 15 มิ.ย.ว่า ไทยกำลังเผชิญโจทย์ใหญ่ของประเทศกำลังพัฒนาแรกสุดในภูมิภาคเอเชียที่จะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุในอีก 10 ปีข้างหน้าหรือปี 2568 และยังเป็นการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุที่มีรายได้ต่อหัวประชากรระดับปานกลางหรือเรียกว่าแก่ก่อนรวย ดังนั้นไทยจึงต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมใหม่ที่ต้องเน้นการวิจัยและพัฒนา (R&D) และนวัตกรรมเป็นสำคัญ เพื่อทำให้ประเทศมีขีดความสามารถทางการแข่งขันและยกระดับประเทศให้พ้นจากประชากรที่มีฐานะปานกลาง
“ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้แม้จะเข้าสู่สังคมสูงอายุก่อนไทยแต่เขาก็รวยก่อนแก่ แต่ไทยจะเป็นภูมิภาคแรกของเอเชียที่แก่ก่อนรวย ซึ่งปี 2557 ไทยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ 4.3% และมีรายได้ต่อหัวเฉลี่ย 5,480 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี เราเหลือเวลาไม่ถึง 10 ปีที่จะปรับตัวเองอย่างเร่งด่วน หากไม่ทำอะไรเลยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะลดลงต่อเนื่องจากแรงงานที่จะเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาไทยเติบโตจากฐานเศรษฐกิจที่อาศัยแรงงานและการผลิตที่เน้นต้นทุนต่ำขับเคลื่อน โดยเศรษฐกิจปี 2558 ไทยจะโตได้ไม่น้อยกว่า 3%” นายสมเกียรติกล่าว
สำหรับแนวทางการปฏิรูปไทยคือการก้าวสู่เศรษฐกิจบริการ แต่เพราะไทยมีฐานการผลิตเป็นอุตสาหกรรมในสัดส่วนที่สูงอยู่จึงต้องมีการค่อยๆ เปลี่ยนผ่านพัฒนาการบริการจากฐานอุตสาหกรรมและให้ฐานการผลิตเชื่อมโยงกับเกษตรกรรม โดยมี 4 ปัจจัยหนุน ได้แก่ 1. การสร้างคนด้วยการปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะ 2. สร้างเงิน ด้วยการจูงใจให้เกิดกิจกรรมสร้างผลิตภาพรวมทั้งวิจัยและพัฒนา (R&D) และนวัตกรรม 3. การจัดการ ซึ่งรัฐจะต้องมีขนาดและหน้าที่เหมาะสม มีวินัยและธรรมาภิบาล 4. การตลาด ที่พัฒนาเป็น Trading Nation ในเศรษฐกิจเปิดเชื่อมต่อโลก
“งบฯ R&D ควรเพิ่มขึ้นเป็น 1% ของ GDP ภายใน 5 ปีก่อนที่เราจะก้าวสู่สังคมสูงอายุ และจะต้องเน้นรูปแบบการใช้การลงทุนของรัฐจูงใจและหนุนให้เอกชนลงทุน R&D ลักษณะเอากุ้งฝอยตกปลากะพง ด้วยการให้รัฐลงขันสมทบทุนวิจัยให้เอกชนหรือกลุ่มเอกชนที่ลงทุนเพื่อให้ผลงานวิจัยขึ้นห้างไม่ได้ขึ้นหิ้ง” นายสมเกียรติกล่าว
